“อินโดนีเซีย” ส่งเจ้าหน้าที่บินด่วนไปวอชิงตัน เพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หวังถกปมภาษี 32%

รัฐบาลอินโดนีเซีย ส่งหัวหน้าคณะเจรจา บินด่วนไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเข้าพบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลังถูกประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษี 32%

นายฮาร์โย ลิมานเซโต (Haryo Limanseto) โฆษกกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Coordinating Ministry for Economic Affairs) ของอินโดนีเซีย ระบุว่า นายแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ของอินโดนีเซียได้เดินทางออกจากประเทศบราซิลเพื่อเข้าหารือประเด็นดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน และมีกำหนดเดินทางถึงในวันนี้ (08 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

ขณะเดียวกัน นายฮาซัน นาสบี โฆษกประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้

ทั้งนี้ รายงานจาก Channel News Asia ของสิงคโปร์ระบุว่ารัฐบาลอินโดนีเซียได้เสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าหลักจากสหรัฐฯ ลงเหลือเกือบ 0% นอกจากนี้ยังเสนอให้สหรัฐฯ ลงทุนในภาคแร่ธาตุที่สำคัญ และเสนอที่จะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (07 ก.ค.) สมาคมโรงสีข้าวสาลีของอินโดนีเซียได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 40,000 ล้านบาท) กับคู่ค้าในสหรัฐฯ เพื่อซื้อข้าวสาลีจากสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 ล้านเมตริกตันต่อปี นับตั้งแต่ปี 2569 – 2573

ตามข้อมูลจากสมาคม สหรัฐฯ ส่งออกข้าวสาลีไปยังอินโดนีเซียเกือบ 700,000 ตัน ในปี 2567 ทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกข้าวสาลีที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ รองจากออสเตรเลียและแคนาดา