กัมพูชาขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืนโบราณวัตถุ 20 ชิ้นจากไทย ตอบโต้ “แพทองธาร” สั่งเบรก

กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา ประกาศขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืนโบราณวัตถุ 20 ชิ้นเอง ตอบโต้ “แพทองธาร” เบรกส่งคืน เหตุงบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอและไม่ได้เป็นเรื่องด่วน

นางเผิง สักคนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาระบุในจดหมายถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของไทยว่า กัมพูชาจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่งโบราณวัตถุเอง ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งมีกำหนดการจัดพิธีส่งมอบที่กรุงเทพในเดือนกรกฎาคม และจะขนย้ายโบราณวัตถุดังกล่าวไปยังกัมพูชาในเดือนสิงหาคม

ขณะที่เว็บไซต์ข่าว Khmer Times ก็ได้รายงานแถลงการณ์ของนายซุม มัป (Sum Map) โฆษกของกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชา ที่ออกมาบอกว่า เดิมทีการขนส่งโบราณวัตถุของเขมร 20 ชิ้นมีกำหนดการเกิดขึ้นภายหลังการประชุมระหว่างนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น กับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชาเมื่อเดือนเมษายน

“หลังจากบรรลุข้อตกลงระดับสูงระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศแล้ว กระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันและตกลงกันว่าพิธีส่งมอบจะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครในเดือนกรกฎาคม และมีกำหนดการขนย้ายวัตถุโบราณจากกรุงเทพฯ ไปยังกัมพูชาผ่านด่านปอยเปต เพื่อนำไปจัดเก็บที่จังหวัดเสียมราฐในเดือนสิงหาคม” นายซุม มัปกล่าว

อย่างไรก็ดี นายมัปยอมรับว่า เนื่องจากข้อพิพาทพรมแดน ส่งผลให้การส่งมอบโบราณวัตถุอาจไม่สามารถดำเนินไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้ได้

เขากล่าวว่า การส่งมอบได้ตกลงกันไว้แล้ว แต่อาจไม่เกิดขึ้นตามวันที่กำหนด และอาจเลื่อนออกไปในภายหลัง แม้ทุกฝ่ายจะเห็นพ้องต้องกันแล้วก็ตาม เนื่องจากมีความจำเป็นต้องรอให้บรรยากาศเอื้ออำนวยมากกว่านี้ก่อน

เขากล่าวเสริมว่า ตอนนี้ หน่วยงานของเขายังไม่ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการจากฝ่ายไทยเกี่ยวกับการดำเนินการส่งมอบ

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารได้ประกาศระงับการส่งคืนโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย ทำให้กระบวนการทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง ท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนที่คุกรุ่น

โดย Khmer Times ได้รายงานโดยอ้างอิงสื่อของไทยว่า นางสาวแพทองธารยังได้ขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่กล่าวหาว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับกัมพูชาเกี่ยวกับประเด็นโบราณวัตถุดังกล่าวด้วย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย เรียกข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็นข้อมูลที่บิดเบือน โดยกล่าวว่าประเด็นนี้มีที่มาจากเหตุการณ์เมื่อ 25 ปีที่แล้ว และขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ

นายจิรายุกล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2543 กรมศุลกากรของไทยได้ยึดโบราณวัตถุ 43 ชิ้นที่เชื่อว่าเป็นของกัมพูชา ซึ่งถูกลักลอบนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ หลังจากการตรวจสอบโดยกรมศิลปากร ได้มีการส่งคืนโบราณวัตถุ 23 รายการให้แก่กัมพูชาตามหลักฐานสนับสนุน จากนั้นรัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการเพื่อขอคืนโบราณวัตถุอีก 20 ชิ้นที่เหลือ พร้อมแนบเอกสารหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ