"นายกฯ สิงคโปร์" พบ "ฮุน เซน" สนับสนุนกัมพูชา-ไทย ยึดสันติวิธี แก้ปัญหาชายแดน

นายเจีย ธีริท โฆษกวุฒิสภากัมพูชา เปิดเผยว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้แสดงความยินดีที่ได้พบกับ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และคณะ โดยถือว่าการเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างกัมพูชาและสิงคโปร์ ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนของทั้งสองชาติ ซึ่งยาวนานถึง 60 ปี โดยย้อนกลับไปถึงยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งในระหว่างนั้น นายลี กวน ยู นายกรัฐมนตรีผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ ได้เดินทางมาเยือนกัมพูชา ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา

ด้าน นายกรัฐมนตรีหว่อง ก็ได้แสดงความขอบคุณสมเด็จฯ ฮุน เซน พร้อมเน้นย้ำว่าปี 2568 นี้ จะเป็นวาระครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัมพูชาและสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรี 7หว่อง ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เป็นไปในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด พร้อมยกย่องสมเด็จฯ ฮุน เซน ว่าเป็นบุคคลสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ของสองประเทศ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้กล่าวถึงปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งมีต้นตอมาจากการรุกล้ำโดยทหารไทย สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้ชี้แจงสถานการณ์ล่าสุดกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยระบุว่า สถานการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ทหารไทยรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา และยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นาย จากนั้นฝ่ายไทยได้ปิดพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว กัมพูชาต้องเผชิญกับการยั่วยุอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตัดกระแสไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต การข่มขู่แรงงานกัมพูชา และแม้กระทั่งการขู่ว่าจะหยุดส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ย้ำว่าการกระทำที่ร้ายแรงที่สุดคือการดูหมิ่นตัวท่าน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยย้ำว่า ท่านไม่เคยต้องการให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอาเซียน ที่ท่านมีความปรารถนาที่จะเห็นความสามัคคีในหมู่ชาติสมาชิกและหลีกเลี่ยงการสร้างความตึงเครียด อย่างไรก็ตาม ท่านได้เน้นย้ำจุดยืนของกัมพูชาที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และแสดงความหวังว่าเรื่องนี้จะสามารถนำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ได้

ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ได้แสดงความขอบคุณสมเด็จฯ ฮุน เซน สำหรับคำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและกลไกทวิภาคี

นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง แสดงความหวังว่า สันติภาพจะบังเกิดในภูมิภาคอาเซียน และทั้งสองฝ่ายจะใช้ความอดทนและแก้ไขปัญหาผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมายและสันติ