กัมพูชาโต้เดือด! สื่อไทยกล่าวหา “ฮุน เซน” บงการป่วนชาติ ชี้ไร้มูล-ทำลายสันติภาพอาเซียน

สำนักข่าวขะแมร์ ไทม์ส (Khmer Times) ของกัมพูชาออกบทความตอบโต้ต่อรายงานของสื่อไทยที่กล่าวหากัมพูชาว่าอยู่เบื้องหลังความพยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพของไทย โดยชี้แจงว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไร้มูลความจริง และเป็นการทำลายจิตวิญญาณแห่งสันติภาพของประชาคมอาเซียน

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังสื่อไทยได้เผยแพร่บทความกล่าวหาสมเด็จฮุน เซน ว่ากำลังใช้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และสงครามจิตวิทยาเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในประเทศไทยเมื่อวานนี้ (21 มิ.ย. 68)

ล่าสุด สื่อกัมพูชาได้เผยแพร่บทความตอบโต้ออกมา โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมชี้ว่าการกระทำของสื่อไทยไม่เพียงแต่บิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ยังขาดความรับผิดชอบและอาจนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในระดับภูมิภาค

ในประเด็นที่บอกว่า “กัมพูชากำลังลากไทยเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ” ในบทความตอบโต้ของกัมพูชาระบุว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างสิ้นเชิง โดยยืนยันว่า การพึ่งพากระบวนการยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC คือ แนวทางสันติในการแก้ไขข้อพิพาทและไม่ใช่การยั่วยุ

ฝ่ายกัมพูชาได้ยกตัวอย่างการนำคดีปราสาทพระวิหารขึ้นสู่ศาลโลกในปี 2502 และ 2554 ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยชอบธรรม และว่ากัมพูชารู้สึกภูมิใจและมีธรรมเนียมที่โปร่งใสในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นที่สะท้อนว่ากัมพูชามีความเคาพต่อการทูตที่ยึดหลักกฎเกณฑ์ ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้งด้วยอาวุธหรือทำให้ใครสั่นคลอน

ประเด็นที่ถูกตอบโต้อย่างรุนแรงที่สุด คือข้อกล่าวหาที่ว่ากัมพูชาอยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือ การปล่อยคลิปเสียงและการชี้นำสื่อเพื่อบั่นทอนความเป็นผู้นำของไทย

ในประเด็นนี้ ฝ่ายกัมพูชาตอบโต้ว่าข้อกล่าวหานี้เป็นการคาดเดาล้วนๆ และเป็นการนำเสนอข่าวลือเสมือนเป็นข้อเท็จจริงอย่างขาดความรับผิดชอบ การจะกล่าวหาเช่นนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดอะไรมากนัก กัมพูชาจะได้ประโยชน์อันใดจากการทำให้รัฐบาลที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมมาโดยตลอดต้องอ่อนแอลง พร้อมชี้ว่าการโยนความผิดให้กัมพูชาคือการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาที่แท้จริงภายในสังคมไทย ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชาได้งดเว้นจากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองภายในของไทยมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการเคารพอำนาจอธิปไตยของชาติที่สื่อควรตระหนัก ไม่ใช่เพิกเฉย

บทความตอบโต้ของสื่อกัมพูชายังระบุว่า ข้อกล่าวหาที่อ้างว่ากัมพูชากำลังปลุกปั่นการประท้วงในไทย ผลักดันให้มีการเลือกตั้งก่อนกำหนด หรือสนับสนุนให้เกิดการรัฐประหารนั้นไม่เพียงแต่เป็นไปไม่ได้ แต่ยังเป็นการดูหมิ่นสติปัญญาและความสามารถในการตัดสินใจของคนไทยด้วย

ขบวนการทางการเมืองของไทยมีรากฐานมาจากความตึงเครียดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมานานหลายทศวรรษระหว่างกลุ่มอำนาจต่างๆ ความเหลื่อมล้ำในระดับภูมิภาค และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพลเมืองไทยรุ่นใหม่ การโยนความผิดให้กัมพูชาถือเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น และการหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงภายในประเทศ และเป็นการวาดภาพให้กัมพูชาเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องภายในอย่างลึกซึ้งอย่างไม่เป็นธรรม

อีกหนึ่งประเด็น คือ ฝ่ายกัมพูชาขอเรียกร้องให้สื่อต้องหลีกเลี่ยงการชี้นำ โดยย้ำว่าสื่อมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้ของสาธารณชน เมื่อสื่อที่มีชื่อเสียงตีพิมพ์บทความที่ปลุกปั่นยั่วยุโดยขาดความสมดุลหรือข้อพิสูจน์ ก็เท่ากับมีส่วนสร้างความไม่ไว้วางใจและความตึงเครียดในระดับภูมิภาค แทนที่จะกล่าวโทษว่ากัมพูชาเป็นผู้ร้าย สื่อที่มีความรับผิดชอบ ควรจะเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาหรือผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง เพื่อนำเสนอภาพที่สมบูรณ์ อาเซียนถูกสร้างขึ้นบนหลักการของการไม่แทรกแซงกิจการภายใน การเจรจา และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การรายงานข่าวที่ขาดความรับผิดชอบย่อมคุกคามอุดมการณ์เหล่านั้น

ในช่วงท้ายของบทความ ขะแมร์ ไทม์สยังได้ขอให้สองฝ่ายร่วมกันรักษาสันติภาพ ไม่ใช่ส่งเสริมความหวาดระแวง กัมพูชาได้เลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ ความถูกต้องตามกฎหมาย และการทูต การวาดภาพให้กัมพูชาเป็นผู้รุกรานหรือผู้ชักใย ไม่เพียงแต่บ่อนทำลายข้อเท็จจริง แต่ยังบ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาคด้วย ความท้าทายที่ไทยกำลังเผชิญเป็นเรื่องภายในและต้องได้รับการแก้ไขด้วยความโปร่งใส ประชาธิปไตย และการเจรจา ไม่ใช่การโยนความผิด

เราขอเรียกร้องให้สื่อและผู้กำหนดนโยบายเคารพหลักการของความเป็นธรรม ตรวจสอบข้อกล่าวอ้าง และงดเว้นจากการสุมไฟแห่งความแตกแยก กัมพูชาไม่ได้แสวงหาความไร้เสถียรภาพของไทย แต่แสวงหาอนาคตแห่งความร่วมมือ อธิปไตย และสันติภาพสำหรับทั้งสองชาติ