“ทรัมป์” ประกาศตัดขาด “อีลอน มัสก์” ลั่น “เจอดีแน่” หากหันไปสนับสนุนเดโมแครต

“ทรัมป์” ประกาศตัดขาด “อีลอน มัสก์” ยันความสัมพันธ์สิ้นสุดลงแล้ว ลั่น “เจอดีแน่” หากหันไปสนับสนุนเดโมแครต

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาประกาศเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย. 2568) ว่าความสัมพันธ์ของเขากับอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีพันล้านที่เคยเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขา ได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมขู่ว่าจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงหากมัสก์คิดสนับสนุนพรรคเดโมแครต

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำในการให้สัมภาษณ์กับ NBC News ว่า เขาไม่มีความตั้งใจที่จะคุยกับมัสก์ และเมื่อถูกถามว่าความสัมพันธ์จบลงแล้วใช่ไหม ทรัมป์ก็ตอบว่า “ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้น” อย่างไรก็ดี ทรัมป์ปฏิเสธที่จะกล่าวว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับมัสก์คืออะไร หากเขาหันไปสนับสนุนพรรคเดโมแครต

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขายังไม่ได้คิดที่จะยกเลิกสัญญามูลค่ามหาศาลที่รัฐบาลทำไว้กับบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) และสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของมัสก์

ชนวนความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับอีลอน มัสก์นี้เกิดขึ้นหลังจากมัสก์ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายฉบับใหม่ของทรัมป์อย่างรุนแรงว่าเป็น “สิ่งที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง” และถ้าหากร่างฯ นี้ผ่านจะทำให้การขาดดุลงบประมาณของประเทศเพิ่มขึ้นหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งการต่อต้านของมัสก์ทำให้ความพยายามในการผลักดันร่างกฎหมายนี้ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรอย่างฉิวเฉียดเมื่อเดือนที่แล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา

นอกจากนี้ มัสก์ยังได้เรียกร้องให้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทน “คนส่วนใหญ่ 80% ที่อยู่ตรงกลาง” ซึ่งการกระทำนี้สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับประธานาธิบดีทรัมป์

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงเล็กน้อย เมื่อมีรายงานว่ามัสก์ได้ลบโพสต์บางส่วนบนโซเชียลมีเดียที่เคยวิจารณ์ทรัมป์ รวมถึงโพสต์ที่ส่งสัญญาณสนับสนุนการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง และให้นายเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นการพยายามลดความรุนแรงของความขัดแย้งที่ปะทุขึ้น

ด้านนายเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคนสนิทของทรัมป์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การกระทำของมัสก์คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ก็ยังแสดงความหวังว่า สุดท้ายแล้ว หากเป็นไปได้ มัสก์จะกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง

ความขัดแย้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเพราะมัสก์คือผู้ที่ทุ่มเงินเกือบ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2567 และได้รับเครดิตว่าเป็นผู้ทำให้พรรครีพับลิกันสามารถรักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและกลับมาครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้อีกครั้ง

ทรัมป์ยังได้แต่งตั้งให้มัสก์เป็นผู้นำ “กระทรวงประสิทธิภาพภาครัฐ” หรือ ดอจ เพื่อปฏิรูประบบราชการ แต่สุดท้ายผลงานของมัสก์ก็ทำได้ไม่ตามเป้า