ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวใน “เมียนมา” พุ่ง 3,354 ราย UN ชี้ กองทัพขวางทางช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

หนึ่งสัปดาห์หลังเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดที่เมียนมา สถานการณ์ยังคงวิกฤต ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งสูงกว่า 3,300 คน ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังดำเนินไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางรายงานจากสหประชาชาติที่ชี้ว่ารัฐบาลทหารเมียนมากำลังจำกัดการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัย


สื่อรัฐบาลทหารเมียนมา เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว เพิ่มเป็น อย่างน้อย 3,354 คน บาดเจ็บ 4,850 คน และสูญหายอีก 220 คน


เจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งจากเมียนมาและนานาชาติยังคงไม่ละความพยายามในการค้นหาผู้ที่อาจรอดชีวิตใต้ซากอาคารที่พังถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่เสียหายอย่างหนัก อย่างเมืองมัณฑะเลน์ ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮมาขุดค้นซากอาคารที่พักอาศัย “สกายวิลลา”


ส่วนเมื่อวานนี้ ทีมแพทย์อาสาจากสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 32 คน ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ให้การรักษาผู้บาดเจ็บในเมืองมัณฑะเลย์แล้ว หลังเดินทางมาถึงเมื่อวันพุธและมีกำหนดปฏิบัติภารกิจเป็นเวลา 2 สัปดาห์


ทว่า สถานการณ์กลับซับซ้อนและน่ากังวลยิ่งขึ้น เมื่อสหประชาชาติ (UN) ออกมาเปิดเผยว่ากองทัพเมียนมากำลังจำกัดการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ถูกมองว่าเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร


สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) รายงานว่า นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว มีรายงานการโจมตีฝ่ายต่อต้านโดยกองทัพเมียนมาถึง 53 ครั้ง ในจำนวนนี้ อย่างน้อย 16 ครั้งเกิดขึ้น หลังจาก ที่รัฐบาลทหารประกาศยอมรับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเมื่อวันที่ 2 เมษายน ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่เมื่อวานนี้ ก็มีรายงานการโจมตีเกิดขึ้นถึง 8 ครั้ง ซึ่งทางรัฐบาลทหารเมียนมายังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว


นางราวินา ชัมดาซานี โฆษก OHCHR กล่าวว่า "สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวถือเป็นหายนะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของกองทัพ"


ด้านนายเจมส์ โรเดเวอร์ หัวหน้าทีมกิจการเมียนมาของ OHCHR ชี้ว่า การขัดขวางความช่วยเหลือนี้อาจเป็น "กลยุทธ์" ที่กองทัพใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้ความช่วยเหลือถูกส่งไปถึงประชาชนในพื้นที่ที่กองทัพมองว่าไม่สนับสนุนการรัฐประหารเมื่อปี 2564