"ทรัมป์" สั่งยิงถล่ม "กบฏฮูตี" ในเยเมน ตอบโต้โจมตีเรือในทะเลแดง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 ราย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ออกคำสั่งให้กองทัพ ยิงถล่มกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน อ้างเหตุโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง โดยเตือนว่า “นรกจะถล่มลงมา” หากฮูตีไม่หยุดการกระทำดังกล่าว พร้อมเตือนอิหร่าน ให้ยุติการสนับสนุนฮูตีทันที

การโจมตีครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ กล่าวว่า อาจเกิดขึ้นเป็นเวลานานหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ ถือเป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่สุดของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยเกิดขึ้นขณะที่สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันในการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อนำอิหร่านกลับเขาสู่โต๊ะเจรจาเรื่องนิวเคลียร์

ทรัมป์ ได้เขียนข้อความลงแพลตฟอร์ม “ทรูธ โซเชียล“ (Truth Social) ว่า “วันนี้ ผมได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ เปิดฉากปฏิบัติการทางทหารที่เด็ดขาดและทรงพลังต่อกลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายในเยเมน พวกเขากระทำพฤติกรรมที่เป็นเหมือนโจรสลัด, ความรุนแรง และการก่อการร้ายอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเรือขนส่งสินค้า อากาศยาน และโดรนของสหรัฐอเมริกา ร่วมถึงชาติอื่น ๆ”

ทรัมป์ ยังโจมตีการรับมือของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าอ่อนแอจนน่าสมเพช “ดังนั้น กลุ่มฮูตีจึงเดินหน้าทำแบบนั้นต่อไป ในช่วงระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเรือพาณิชย์ที่ติดธงชาติสหรัฐฯ ลำใดแล่นผ่านคลองสุเอซ ทะเลแดง หรืออ่าวเอเดนได้อย่างปลอดภัย เรือรบอเมริกันลำสุดท้ายที่แล่นผ่านทะเลแดง เมื่อ 4 เดือนก่อน ถูกโจมตีโดยกลุ่มฮูตีมากกว่า 10 ครั้ง กลุ่มอันธพาลฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากอิหร่าน ได้ยิงขีปนาวุธใส่เครื่องบินของสหรัฐฯ และเล็งเป้าไปที่กองกำลังและพันธมิตรของเรา การโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนเหล่านี้ ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ตกอยู่ในความเสี่ยง”

ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังบอกว่า เขาไม่ยอมทนกับพฤติกรรมนี้ของฮูตีแล้ว เขาจะใช้กำลังทหารจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย เพราะกลุ่มฮูตีได้ปิดกั้นเส้นทางการขนส่งสินค้าทางน้ำที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้การค้าโลกหยุดชะงัก ซึ่งเป็นการทำลายหลักการสำคัญของเสรีในการเดินเรือ

การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย ผู้นำ และระบบป้องกันขีปนาวุธ เพื่อปกป้องการขนส่งทางเรือ ทางอากาศ และทรัพย์สินทางเรือของสหรัฐฯ และเพื่อฟื้นฟูเสรีภาพในการเดินเรือ ไม่มีกองกำลังก่อการร้ายใดจะหยุดเรือพาณิชย์และเรือรบอเมริกันจากการแล่นเรืออย่างอิสระในเส้นทางน้ำของโลกได้

ทรัมป์ บอกกับกลุ่มฮูตีด้วยถ้อยคำที่หนักแน่นว่า “เวลาของพวกคุณหมดลงแล้ว และการโจมตีของพวกคุณจะต้องหยุด ตั้งแต่วันนี้ หากไม่หยุด นรกจะถล่มลงลงใส่พวกคุณอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”

นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังเขียนข้อความเตือนอิหร่านว่า ให้หยุดการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายฮูตี และอย่าข่มขู่ชาวอเมริกัน, ประธานาธิบดีของพวกเขา ผู้ที่ได้รับคำสั่งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประธานาธิบดี หรือเส้นทางการเดินเรือทั่วโลก หากยังทำเช่นนั้น สหรัฐอเมริกาจะถือว่าอิหร่านต้องรับผิดชอบอย่างถึงที่สุด และสหรัฐอเมริกาจะไม่ใจดีด้วย

ล่าสุด มีรายงานว่าการโจมตีของสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 19 คน โดยกระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮูตี อ้างว่า พลเรือนอย่างน้อย 13 คนเสียชีวิต และอีก 9 คน ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของสหรัฐอเมริกาในกรุงซานา ขณะที่สถานีโทรทัศน์ อัล-มาซิราห์ รายงานว่า อีก 6 คน ซึ่งประกอบด้วยเด็ก 4 คน และผู้หญิงอีก 1 คน เสียชีวิต และอีก 11 คน บาดเจ็บในจังหวัดซาดา ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ

กลุ่มกบฏฮูตี ได้ออกมาประณามการโจมตีของสหรัฐ ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม และประกาศว่าพวกเขาก็พร้อมที่จะตอบโต้เช่นกัน

ส่วนปฏิกิริยาของคนในพื้นที่ บอกว่าการโจมตีได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารหลังหนึ่งที่เป็นฐานที่มั่นของฮูตี และว่าการระเบิดรุนแรงมาก จนทำให้ย่านที่เขาอยู่สั่นสะเทือนเหมือนกับแผ่นดินไหว

กลุ่มฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมนมานานกว่าทศวรรษ ได้ก่อเหตุโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงมากกว่า 100 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วโดยอ้างว่าเป็นการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ในสงครามอิสราเอล-ฮามาส

ตามรายงานระบุว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮูตีได้จมเรือขนส่งสินค้าไปแล้วอย่างน้อย 2 ลำ ยึดเรืออีกลำ และสังหารกะลาสีอย่างน้อย 4 คน ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าโลก บีบให้บริษัทเดินเรือต้องเปลี่ยนเส้นทางอ้อมทวีปแอฟริกา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตอบโต้การกระทำของกลุ่มฮูตีเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนไปยังอิหร่านด้วย เห็นได้จากข้อความที่ทรัมป์เขียนว่า หากอิหร่านไม่หยุดสนับสนุนฮูตีและคุกคามสหรัฐฯ “สหรัฐฯ จะถือว่าอิหร่านต้องรับผิดชอบ และพวกเราจะไม่ใจดีด้วย”

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านอยู่ในจุดต่ำสุด หลังจากที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อปี 2561 และกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดต่อรัฐบาลอิหร่าน

ทั้งนี้ มีรายงานว่าเครื่องบินที่เข้าร่วมการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดนี้ ประกอบด้วยเครื่องบิน พี 8 โพไซดอน ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งบินมาจากประเทศบาห์เรน, เครื่องบินขับไล่เอ็มคิว-4ซี ไตรตัน ของกองทัพเรือสหรับฯ ขึ้นบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เครื่องบินลาดตระเวน อาร์ซี-135วี ของกองทัพอากาศฯ ซึ่งบินจากประเทศกาตาร์, เครื่องบินเคซี2 โวยาเจอร์ ของกองทัพอากาศอังกฤษ ซึ่งบินมาจากประเทศไซปรัส นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินขับไล่อื่น ๆ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน ในทะเลแดง

การโจมตีของสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กลุ่มฮูตีได้ออกมาบอกว่าพวกเขาจะกลับมาโจมตีเรืออิสราเอลที่แล่นผ่านทะเลแดงและทะเลอาหรับ รวมถึงช่องแคบบับ อัล-มันดับ และอ่าวเอเดน และไม่กี่วันหลังทรัมป์ส่งจดหมายถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งคาเมเนอีก็ได้ให้การปฏิเสธที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับสหรัฐฯ