อาเจะห์ลงโทษเฆี่ยนประจาน 2 นักศึกษาหนุ่ม ข้อหารักร่วมเพศ

นักศึกษาชายชาวอินโดนีเซีย 2 คน ซึ่งเป็นคู่เกย์ ถูกเฆี่ยนประจานต่อหน้าสาธารณชน ที่ศาลาว่าการเมืองบันดา อาเจะห์ ของอินโดนีเซีย ในวันนี้ หลังจากศาลศาสนาอิสลาม ตัดสินว่า ทั้งคู่มีความผิดในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน

นับเป็นครั้งที่ 4 ของจังหวัดอาเจะห์ ที่มีการลงโทษเฆี่ยนผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันต่อหน้าสาธารณชน นับตั้งแต่มีการมีการใช้บังคับกฎหมายศาสนาอิสลาม เมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นเพียงจังหวัดเดียวในอินโดนีเซียเท่านั้น ที่อยู่ภายใต้ กฎหมายชารีอะห์ หรือ กฎหมายศาสนา เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามแบ่งแยกดินแดนที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ

ผู้ที่ถูกลงโทษ เป็นชายนักศึกษา วัย 24 และ 18 ปี ถูกเฆี่ยนทั่วทั้งหลัง 82 และ 77 ครั้ง ตามลำดับ โดยเจ้าหน้าที่ 5 คน ที่สับเปลี่ยนกันลงมือเฆี่ยนตี ซึ่งจะหยุดพักการเฆี่ยนตีทุกๆ 20 ครั้ง

นักศึกษาชาย 1 ใน 2 คนที่ถูกลงโทษ ถึงกับต้องถูกหามออกไป หลังจากถูกเฆี่ยนจนครบจำนวน ก่อนจะนำตัวไปส่งบ้าน

รายงานระบุว่า ชายทั้งสองถูกจับกุมเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังมีชาวบ้านสงสัยว่าทั้งคู่ เป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ และได้บุกเข้าไปในห้องเช่า แล้วก็พบว่าทั้งคู่เปลือยกายและนอนกอดกัน จึงจับส่งตำรวจศาสนา

จังหวัดอาเจะห์ ได้บังคับใช้กฎหมายอิสลามและประมวลกฎหมายอาญาเพิ่มเติมในปี 2015 ซึ่งขยายกฎหมายชารีอะห์ให้ครอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในจังหวัด ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด

ภูมิภาคนี้อนุญาตให้เฆี่ยนตีได้มากถึง 100 ครั้งสำหรับความผิดทางศีลธรรม รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศและการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่ได้สมรส

การเฆี่ยนตี เป็นการลงโทษในจังหวัดอาเจะห์ สำหรับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับ เล่นการพนัน, ดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้ง สตรีที่สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูป และผู้ชายไม่ไปละหมาดในวันศุกร์

ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับที่ลงนามโดยอินโดนีเซีย เพื่อปกป้องสิทธิของชนกลุ่มน้อยในประเทศ