ต่างประเทศ

“ทรัมป์” เปิดแผนขาย “บัตรทอง” มูลค่า 168 ล้านบาท แลกสิทธิ์เป็นพลเมืองอเมริกัน

โดย JitrarutP

26 ก.พ. 2568

582 views

“โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยขาย “บัตรทอง” Gold Card ให้กับผู้อพยพ มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 168 ล้านบาท แลกกับการเป็นพลเมืองชาวอเมริกัน สร้างรายได้เข้าประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เผยแผนหาเงินลดการขาดดุลงบประมาณ โดยจะเปิดขายบัตรทอง หรือ Gold Card มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 168 ล้านบาท ให้กับผู้อพยพที่ต้องการกรีนการ์ด หรือสถานะผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ พร้อมด้วยสิทธิพิเศษอีกหลายอย่างรวมไปถึงการได้สถานะพลเมืองอเมริกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์ เผยแผนดังกล่าวในการแถลงกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ ทรัมป์ย้ำว่า การขายวีซ่าแบบใหม่นี้ เป็นรูปแบบคล้ายกรีนการ์ดแต่เป็นราคาที่สูงกว่า ที่สำคัญจะช่วยสร้างงานและลดภาวะหนี้สินที่เกิดจากการขาดดุลงประมาณ

ทรัมป์ ยังย้ำด้วยว่า โกลด์ คาร์ด นี้จะเป็นช่องทางของการได้มาซึ่งสถานะพลเมืองอเมริกันด้วย ทรัมป์กล่าวว่า มีผู้คนมากมายที่ต้องการเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจะสามารถทำงานและสร้างงาน รวมไปถึงก่อตั้งบริษัทที่นี่ พวกเขาจะใช้จ่ายเงินจำนวนมาก เสียภาษีจำนวนมากและจ้างคนจำนวนมาก ทรัมป์คิดว่า โครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทรัมป์ยังเปรยด้วยว่า กลุ่มมหาเศรษฐีในรัสเซียอาจมีสิทธิ์ในโครงการนี้

การขายโกลด์ คาร์ดนี้จะเริ่มในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งนายฮาวเวิร์ด ลุตนิก (Howard Lutnick)รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าโครงการ “บัตรทอง” จะมาแทนที่โครงการวีซ่า EB-5 ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ที่ได้รับบัตรทองเป็นพลเมืองที่ยอดเยี่ยมระดับโลก ขณะที่ค่าธรรมเนียมที่สูงจากบัตรทองจะช่วยลดการขาดดุลของรัฐบาลกลางได้

ทรัมป์คาดว่า สหรัฐฯจะขายบัตรทองนี้ได้ประมาณ 1 ล้านใบ และจะสร้างรายได้มากถึง 55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับโครงการวีซ่า EB-5 บริหารจัดการโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ และให้สิทธิในการพำนักถาวรแก่ผู้ลงทุนต่างชาติ โครงการนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกเพื่อกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ค่าใช้จ่ายปัจจุบันสำหรับวีซ่า EB-5 อยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 6 แสน 7 หมื่น 6 พันบาท และนักลงทุนต่างชาติต้องลงทุนประมาณหนึ่งล้านดอลลาร์ในบริษัทของสหรัฐฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งวีซ่าดังกล่าว

คุณอาจสนใจ

Related News