เพจเฟซบุ๊ก “EDL LAOS” ซึ่งเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าของสปป.ลาว เผยปรับลดการส่งไฟไปอำเภอท่าขี้เหล็ก ไม่เกิน 13 เมกะวัตต์ เพราะหวั่นมีการจ่ายไฟที่ Call Center พร้อมยืนยันว่า จะไม่ส่งไฟหรือขายไฟ ให้ผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด
โดยรายงานว่า สปป.ลาวมีการทำการค้าและแลกเปลี่ยนพลังงานกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกภายใต้กรอบความร่วมมือและบูรณาการด้านไฟฟ้าอาเซียน ปัจจุบัน สปป.ลาวมีการบูรณาการและค้าขายกับไทย เวียดนาม กัมพูชา จีน รวมทั้งเมียนมา เช่นเดียวกัน แต่ปริมาณไฟฟ้าไม่มากนัก เนื่องจากส่งไปยังอำเภอท่าขี้เหล็กของเมียนมา ซึ่งอยู่ติดกับแขวงบ่อแก้วของ สปป.ลาว
การจำหน่ายไฟฟ้าให้กับอำเภอท่าขี้เหล็กด้วยระบบแรงดัน 115 กิโลโวลท์ ให้กับโรงไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนทั่วไป ทั้งประชาชนที่อยู่อาศัย สถานประกอบการ สถานที่ราชการ รวมถึงหน่วยบริการสังคม โรงเรียน และโรงพยาบาล
ดังนั้น บริษัทไฟฟ้าลาว จึงได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับอำเภอท่าขี้เหล็ก ตั้งแต่ปี 2564 โดยลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับบริษัทเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจากเมียนมา และเริ่มชำระค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคม 2565 โดยในสัญญาดังกล่าว บริษัทไฟฟ้าลาว จะต้องจำหน่ายไฟฟ้าไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ ที่ระดับแรงดัน 115 กิโลโวลต์
ในอดีตอำเภอท่าขี้เหล็กได้รับไฟฟ้าจากประเทศไทยประมาณ 15 เมกะวัตต์ และได้รับไฟฟ้าจาก สปป.ลาว สูงสุดเพียงประมาณ 13 เมกะวัตต์เท่านั้น แต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พื้นที่อำเภอท่าขี้เหล็กมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากลาวเพิ่มขึ้นถึง 27 เมกะวัตต์ เนื่องจากไทยหยุดส่งไฟฟ้าเข้าพื้นที่ แต่ สปป.ลาว ปรับลดการจ่ายไฟฟ้าลงเหลือไม่เกิน 13 เมกะวัตต์ เพราะไฟฟ้าบางส่วนอาจจะจ่ายไปที่ Call Center ดังนั้น FFL จึงได้ประสานงานกับทางการเมียนมา เพื่อขอรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการปราบปรามหรือป้องกันการใช้ไฟฟ้า เพื่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงศูนย์รับสาย และให้ความร่วมมือกับทางการเมียนมาในการตัดไฟฟ้าในจุดเฉพาะ เพื่อลดความไม่สะดวกแก่ผู้บริสุทธิ์โดยทั่วไป
เราขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลลาวและการไฟฟ้าลาวจะไม่จ่ายหรือขายไฟฟ้าให้กับผู้กระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะกลุ่มคอลเซ็นเตอร์โดยเด็ดขาด