ต่างประเทศ

ไวรัสร้ายแรงหลายร้อยตัวหายไปจากห้องแล็บในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย

โดย paranee_s

11 ธ.ค. 2567

1.4K views

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุตัวอย่างไวรัสร้ายแรงหลายร้อยตัวหายไปจากห้องแล็บในออสเตรเลีย โดยรัฐบาลออสเตรเลียออกคำสั่งให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่าเป็นการละเมิดมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพครั้งใหญ่ หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทางการรัฐควีนส์แลนด์ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลอดบรรจุไวรัสชนิดร้ายแรงจำนวน 323 หลอดหายไปจากห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของหน่วยงานด้านสาธารณสุข



โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 แต่มีการยืนยันในเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าตัวอย่างเชื้อไวรัสหายไปหลังจากตู้แช่ไวรัสพัง



ล่าสุด รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์ได้ดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าตัวอย่างเชื้อไวรัสที่หายไปนั้นถูกขโมยหรือถูกทำลายแล้วหรือไม่ และไม่พบหลักฐานว่าเกิดความเสี่ยงหรืออันตรายต่อประชาชน โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่าเชื้อไวรัสที่อันตรายเหล่านี้จะตายอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่นอกตู้แช่และไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ



แต่กระนั้น ทางการรัฐควีนส์แลนด์ยืนยันว่าแม้ตัวอย่างเหล่านี้จะนำไปใช้ผลิตเป็นอาวุธชีวภาพได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ



สำหรับเชื้อไวรัสที่หายไปประกอบด้วย ไวรัสเฮนดรา (Hendra virus), ไวรัสลิสซา (Lyssavirus), และไวรัสฮันตา (Hantavirus)



ไวรัสเฮนดราเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากสัตว์สู่คนและพบได้เฉพาะในออสเตรเลีย มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 57% ไวรัสนี้ถูกพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 หลังเกิดการระบาดในม้าแข่ง 21 ตัวและมนุษย์ 2 คน ที่เมืองเฮนดราซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองบริสเบน โดยข้อมูลจาก WHO ระบุว่าไวรัสชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากค้างคาวผลไม้



ส่วนไวรัสฮันตาเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ มีต้นกำเนิดในหนู และแพร่กระจายผ่านมูล, ปัสสาวะ และน้ำลาย เมื่อมนุษย์ติดเชื้อจะก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฮันตา ซึ่งอาการมักจะมีไข้, หนาวสั่น, คลื่นไส้, ท้องเสีย, และมีของเหลวอยู่ในปอด ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่าไวรัสชนิดนี้มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 38%



ขณะที่ ลิสซาไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้า สามารถติดต่อได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในแต่ละปี มีคนเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ประมาณ 59,000 คนต่อปี

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ