ต่างประเทศ

กรมราชทัณฑ์ แจงปมสื่อเกาหลีใต้รายงานข่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดถูกจับในไทยไลฟ์สดในเรือนจำ

15 ต.ค. 2567

486 views

สื่อเกาหลีใต้รายงานข่าวอ้างว่า ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวเกาหลีใต้รายหนึ่งในไทย ไลฟ์ถ่ายทอดสดภายในขบวนรถควบคุมตัวผู้ต้องหาและในเรือนจำจนกลายเป็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก



สื่อเกาหลีใต้รายงานข่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายหนึ่งในประเทศไทย ถ่ายทอดสดภายในขบวนรถและเรือนจำจนกลายเป็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก



โดย JTBC News มีการรายงานข่าว ผู้กระทำผิดยาเสพติดมีการถ่ายทอดสดยูทูบในรถขนส่งนักโทษ โดยมีภาพบางส่วนอ้างว่าเป็นการไลฟ์ในรถนำส่งผู้ต้องหา และยังมีการอ้างว่าผู้ต้องหารายนี้ยังมีการไลฟ์สนในคุกไทยอีกด้วย



ขณะที่หนังสือพิมพ์รายวันเกาหลีใต้ MAEIL BUSINESS NEWSPAPER เผยว่าตามรายงานของ “Case Team Leader” ของ JTBC และหนังสือพิมพ์ Bangkok Post เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม สำนักงานคณะกรรมการยาแห่งประเทศไทย (ONCB) ได้จับกุมชายชาวเกาหลีวัย 40 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านบางละมุง จังหวัดชลบุรี ใกล้กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม



โดยนายเอ ต้องสงสัยว่าลักลอบนำยาเสพติดออกจากประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยส่งกล่องกาแฟที่บรรจุเมทแอมเฟตามีนไปเกาหลีใต้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งต่อมาทางการเกาหลีใต้ออกมายืนยัน ซึ่งภายหลังการสอบสวนพบว่า นาย A ได้หลบหนีกลับประเทศไทยแล้วจึงได้ออกหมายจับ



ทางการเกาหลีได้ขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของไทยให้ติดตามตัวนายเอ มาดำเนินคดีและจับกุมตัวได้สำเร็จ



อย่างไรก็ตาม นายเอ ได้เปิดช่องยูทูบ “Thai richest man” ระหว่างหลบหนีอยู่ในไทย และล่าสุดมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังพบว่า นายเอ ได้มีการไลฟ์สดผ่านทางผ่านทางช่องยูทูบระหว่างถูกควบคุมตัว



นอกจากนี้ ยังมีการบอกว่า “เขาเกือบหลบหนีออกจากคุกแล้ว เพราะทะเลที่สวยงามของพัทยา พร้อมขอให้ผู้ชมกดติดตามและกดไลก์ช่องนี้ด้วย”



นอกจากนี้ยังมีการไลฟ์สดในเรือนจำ โดย นายเอ ได้แนะนำตัวนักโทษ พร้อมกับกล่าวว่า “นี่คือเด็กที่แทงคน 5 คน”



“เรือนจำไทยไม่ได้ให้อิสระ แต่เรือนจำต่างประเทศให้อิสระเล็กน้อย หลังเราจ่ายเงินไปแล้ว” และเขายังกล่าวว่า “ผมเดินไปเดินมา (ในเรือนจำ) ก็คุยโทรศัพท์ด้วย” ผมให้เงินเขาไปพอสมควรแล้ว “ไม่มีใครที่ไม่ได้รับเงินจากผม ดังนั้นตำรวจจะยึดโทรศัพท์ของผมไปไม่ได้หรือ?” เขากล่าว



โดยนอกจากคดียาเสพติดแล้ว นายเอ ยังมีประวัติอาชญากรรมหลายอย่าง เช่น การเป็นนายหน้าค้าประเวณีและดำเนินการเว็บไซต์ส่งเสริมการค้าประเวณี



ในปี 2021 เขาถูกอินเตอร์โพลตามจับในข้อหาใช้เงินหลายสิบล้านวอนจากฟิลิปปินส์ในฐานะเว็บไซต์ส่งเสริมการค้าประเวณี จากนั้นเขาจึงถูกส่งตัวกลับเกาหลีและได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุก



ต่อมา กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงแล้ว โดยระบุว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวเกาหลีใต้ อายุ 44 ปี ได้อัดคลิปไลฟ์สดภายในรถคุมขัง และถูกควบคุมตัวภายในสถานที่แห่งหนึ่ง โดยสำนักข่าว Maeil Business Newspaper หรือแมอิล รายงานข่าวกรณีที่ ผู้ต้องหารายดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้ลักลอบขนยาเสพติด



โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภ.หนองปรือเข้าจับกุมตัวได้ที่โรงแรมในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นั้น กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานว่า สปป. (ปป.1 พื้นที่ภาคกลาง ปท.ส่วนประสานงานต่างประเทศ) ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลี (SPO) สำนักข่าวกรองแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี (NIS) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี เข้าจับกุมชาวเกาหลี 1 ราย



โดยผู้ต้องหา มีพฤติการณ์จัดหายาเสพติด (ไอซ์) จากประเทศไทยส่งไปยังสาธารณรัฐเกาหลี มีความเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อเดือน ธันวาคม 2566 ซึ่งทางการเกาหลีตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศที่ส่งมาประเทศไทย พบไอซ์ 38.46 กรัม ซุกซ่อนมาในถุงกาแฟ และถุงถั่ว ทางการเกาหลีขยายผลจับกุมผู้รับพัสดุดังกล่าว และสอบปากคำทราบว่า ผู้จัดส่งยาเสพติด คือ ผู้ต้องหาดังกล่าว



ทางการเกาหลีจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และสามารถสืบทราบว่า บุคคลดังกล่าวได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้พิจารณายกเลิกการตรวจลงตรา (วีซ่า)



จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า บุคคลดังกล่าวอยู่เกินกำหนดระยะเวลาอนุญาต (Overstay) โดยกรมราชทัณฑ์ จึงได้เร่งให้เรือนจำในพื้นที่ดังกล่าว ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งทางเรือนจำพิเศษพัทยา ได้รายงานว่า ไม่เคยรับตัวผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้รายนี้เข้าควบคุมภายในเรือนจำ และภาพห้องขังที่ปรากฏภายในคลิปนั้น มิใช่สถานที่ภายในเรือนจำ และจากการตรวจสอบในระบบข้อมูลผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ไม่พบว่ามีชื่อบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด



ทั้งนี้ โทรศัพท์มือถือจัดเป็นสิ่งของต้องห้าม และหากพบว่ามีการนำโทรศัพท์เข้าภายในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องขังก็ตาม ถือเป็นความผิดและต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ