เกาหลีใต้ประกาศแผนช่วยเหลือสุนัข ก่อนกฎหมายห้ามทานเนื้อสุนัขจะมีผลบังคับ

พัค บอมซู (Park Beom-Su) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรเกาหลีใต้ประกาศว่า รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณ 1 แสนล้านวอน (ราว 2,400 ล้านบาท) สร้างแรงจูงใจให้กับผู้เพาะพันธุ์สุนัข, เกษตรกรผู้เลี้ยงสุนัข, และเจ้าของร้านอาหารที่ขายเนื้อสุนัขปิดกิจการของพวกเขา



โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงสุนัขเพื่อเป็นอาหารจะได้รับเงิน 600,000 วอน (ราว 14,000 บาท) ต่อสุนัขหนึ่งตัวที่พวกเขายอมทิ้ง จากนั้น รัฐบาลจะพยายามหาบ้านหรือสถานรับเลี้ยงให้กับสุนัขเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด



อย่างไรก็ดี หลายคนแสดงความวิตกกังวลว่าสุนัขอาจถูกฆ่าและนำเนื้อไปแปรรูปไว้ไปบริโภคใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งในเรื่องนี้นายปาร์กยืนยันว่า “นั่นไม่ใช่แผนของพวกเขาอย่างแน่นอน”



อย่างไรก็ดี ตัวแทนของอุตสาหกรรมเนื้อสุนัขมองว่าเงินอุดหนุนของรัฐบาลยังไม่เพียงพอ และประกาศว่าจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือที่ดีขึ้น พวกเขาบอกว่าธุรกิจนี้เป็นแหล่งรายได้หลักของพวกเขา หากรัฐบาลต้องการให้ยกเลิก ก็ควรมีแผนการให้ความช่วยเหลือที่สมเหตุสมผลมากกว่านี้



ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สภาเกาหลีใต้ได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามรับประทานและจำหน่ายเนื้อสุนัข ซึ่งเป็นการสิ้นสุดธรรมเนียมการกินเนื้อสัตว์ที่มีข้อโต้แย้งมาอย่างยาวนานหลายปี



ทั้งนี้ ในอดีต ชาวเกาหลีใต้มองว่าเนื้อสุนัขช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายในช่วงหน้าร้อน จึงนิยมรับประทานกันมาก แต่ปัจจุบัน ความนิยมดังกล่าวได้ลดน้อยลงเพราะคนเกาหลีส่วนใหญ่มองว่าสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง



ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีฟาร์มเลี้ยงสุนัขมากกว่า 1,500 แห่งและมีโรงเชือดสุนัขมากกว่า 200 แห่ง รวมถึง มีร้านอาหารที่ยังขายเนื้อสุนัขอยู่ประมาณ 2,300 แห่ง