รัสเซียเตือนสหรัฐฯ ระวัง "สงครามโลกครั้งที่ 3" จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า ชาติตะวันตกกำลังสุมไฟให้สงครามยูเครน และกำลัง “หาเหาใส่หัว” จากการพิจารณาคำขอของยูเครนให้ผ่อนปรนมาตรการควบคุมการใช้อาวุธที่จัดหาโดยต่างชาติ



นายลาฟรอฟยังกล่าวอีกว่า การเล่นกับไฟนั้นอันตรายมาก และว่ายูเครนเหมือนเด็กที่เล่นกับไม้ขีดไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่ในประเทศตะวันตกที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลอาวุธนิวเคลียร์ และว่า ชาวอเมริกันมั่นใจว่าหากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้น ผลกระทบจะจำกัดอยู่แค่ในยุโรปเท่านั้น แต่ตอนนี้ รัสเซียกำลังกำลังสร้างความชัดเจนให้กับหลักการด้านอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง



ทั้งนี้ นับตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อปี 2565 ประธานาธิบดีปูตินเคยเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามีความเสี่ยงที่สงครามจะบานปลายจนไปพัวพันกับชาติมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้เขาจะเคยกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้ต้องการขัดแย้งกับพันธมิตรนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ ก็ตาม



ตามหลักการด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียในปี 2563 ระบุว่า ประธานาธิบดีจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หรือ อาวุธทำลายล้างสูงอื่น ๆ หรืออาวุธทั่วไป เมื่อรัฐถูกคุกคาม



เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ยูเครนได้โจมตีแคว้นคุสค์ (Kursk) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย และยึดครองพื้นที่บางส่วนไปได้ ทำให้ประธานาธิบดีปูตินประกาศขู่ว่าจะตอบโต้อย่างสาสม



ทางรัสเซียยังบอกว่ายูเครนนำเอาวุธที่ได้รับมาจากชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นรถถังจากอังกฤษ และจรวดจากสหรัฐฯ มาใช้โจมตีแคว้นคุสค์ ซึ่งทางรัฐบาลยูเครนยอมรับว่า กองทัพได้ใช้ขีปนาวุธ HIMARS จากสหรัฐฯ ทำลายสะพานหลายแห่งในแคว้นนี้จริง



อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาบอกว่าไม่เคยได้รับแจ้งเกี่ยวกับแผนการโจมตีแบบกะทันหันของยูเครนในครั้งนี้ และสหรัฐฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับปฏิบัติการดังกล่าว แต่ทางรัสเซียออกมาบอกว่าไม่เชื่อ และสหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน



โดยมีรายงานออกมาว่า ไม่กี่วันหลังการโจมตีของยูเครน สหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ส่งภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับแคว้นคุสค์ให้ยูเครน ซึ่งข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองระบุว่า การกระทำดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยยูเครนติดตามการเสริมกำลังของรัสเซีย