อุตุนิยมวิทยาโลก ชี้ ปี 67 ร้อนที่สุดที่เคยมีการบันทึกมา ซึ่งเอลนิโญเป็นสาเหตุหนึ่ง

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) กล่าวเมื่อวันอังคาร (5 มีนาคม) ปรากฏการณ์เอลนิโญ เริ่มอ่อนลงแล้ว แต่อุณหภูมิโลกจะยังคงเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ซึ่งเอลนิโญเป็นปรากฏการณ์สภาพอากาศที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เกี่ยวข้องกับการหยุดชะงักของรูปแบบลม ส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรอุ่นขึ้นในแปซิฟิกตะวันออกและตอนกลาง


แคลร์ นูลลิส โฆษก WMO กล่าวว่าปรากฏการณ์เอลนิโญได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วในเดือนธันวาคม และซึ่งปรากฏการณ์ในครั้งนี้ มีรุนแรงติด 1 ใน 5 ที่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์


ซึ่งจากความคิดเห็นของ “เซ เลสต์ เซาโล” เลขาธิการ WMO เผยว่า นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 มีการสร้างสถิติอุณหภูมิรายเดือนใหม่ในทุก ๆ เดือน และปี 2023 ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเอลนิโญมีส่วนทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ โดยมีก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนเป็นสาเหตุหลักอย่างชัดเจน


โดยอุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรในแถบเส้นศูนย์สูตรแปซิฟิกสะท้อนถึงปรากฏการณ์เอลนิโญอย่างชัดเจน แต่อุณหภูมิพื้นผิวทะเลในส่วนอื่น ๆ ของโลกก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ละสูงผิดปกติในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในเดือนมกราคม 2064 ก็สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเดือนมกราคม ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล


แคลร์ ยังกล่าวอีกว่า มีโอกาสประมาณ 60% ที่ปรากฏการณ์เอลนิโญจะคงอยู่ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม และโอกาส 80% ที่จะเกิดสภาวะที่เป็นกลาง ไม่ว่าจะเป็นเอลนิโญหรือลานีญา ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน


และมีโอกาสที่ลานีนา จะเกิดขึ้นในรูปแบบสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิเย็นผิดปกติในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปี แต่โอกาสที่ยังไม่แน่นอน


โดยเอลนิโญเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยทุก ๆ 2-7 ปี ปกติกินเวลา 9-12 เดือน แต่อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ไฟป่า พายุไซโคลนเขตร้อน และความแห้งแล้งที่ยืดเยื้อยาวนาน