ต่างประเทศ

‘ปานปรีย์’ เยือนกาตาร์-อียิปต์ เจรจาปล่อยตัวประกันคนไทย - ยอดตาย ฉนวนกาซาพุ่ง 8,000 ราย

31 ต.ค. 2566

20 views

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงการช่วยเหลือตัวประกันไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับกุมตัวว่า ตนมีภารกิจต้องเดินทางเช้าวันนี้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี โดยจะเดินทางเยือนรัฐกาตาร์และสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2566 เพื่อพบกับผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ และหารือเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันจากสถานการณ์สู้รบในอิสราเอล และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์และพัฒนาการในภูมิภาค หารือถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน



ทั้งนี้ ตนมีกำหนดพบหารือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่กรุงโดฮา และพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ที่กรุงไคโร


ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการโทรศัพท์หารือและชี้แจงไปหลายครั้งแล้วไม่ว่าจะผ่านสื่อหรือผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประสานงานว่าอยากให้มีการปล่อยตัวคนไทยโดยเร็ว เพราะเป็นผู้ที่เข้าไปทำมาหากิน และไม่ได้มีความขัดแย้งกับผู้ใด


นายปานปรีย์กล่าวว่า ความตั้งใจของไทยคืออยากให้มีการปล่อยตัวประกันโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดีขณะนี้ไม่มีใครทราบว่าตัวประกันทั้งหมดอยู่ที่บริเวณไหน อยู่ในประเทศใด และอยู่ในหรือนอกฉนวนกาซาหรือไม่ แต่ในส่วนของรัฐบาลไทยเราเปิดการเจรจาทุกช่องทางที่มีอยู่ที่จะสามารถประสานกับฮามาสได้เพื่อขอให้เขาทำการปล่อยตัวประกันโดยเร็วที่สุด


ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศแจ้งให้คนไทยรีบเดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด มีผู้มาลงทะเบียนเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า เราได้ขอร้องเพราะอยากให้ทุกคนปลอดภัยมากที่สุด ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว เพราะไม่มีใครทราบว่าสถานการณ์ทั้งในอิสราเอลและกาซาจะรุนแรงมากขึ้นขนาดไหน จึงไม่อยากให้คนไทยได้รับผลกระทบ ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จึงอยากจะขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าขอให้คนไทยกลับประเทศโดยเร็วที่สุด


ทั้งนี้ปานปรีย์ยังกล่าวอีกว่า ตนได้รายงานนายกฯเศรษฐาแล้วว่าต้องลา ครม. ด่วนเพราะการช่วยเหลือตัวประชาชนเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องทำ

----------------------------------------------------

ทัพรถถังอิสราเอล เคลื่อนเข้าปิดถนน เส้นอพยพลงใต้ ในกาซา  ขณะที่ยังถล่มทางอากาศดุเดือด  ยอดดับพุ่ง 8 พันราย


สงครามระหว่างอิสราเอล และฮามาส ทวีความดุเดือดเลือดพล่านไม่หยุด อิสราเอลเดินหน้าถล่มทั้งปฏิบัติการภาคพื้นดิน และทางอากาศ  โดยรายงานระบุว่าทัพรถถังอิสราเอล ได้เคลื่อนเข้าปิดถนน เส้นอพยพลงใต้ ในกาซา


รายงานระบุว่า ขบวนรถถังของกองทัพอิสราเอลรุกเข้าประชิดเขตเซย์ตุน ตอนใต้ของเมืองกาซา ซิตี ในฉนวนกาซา เมื่อวานนี้  ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ขบวนรถถังดังกล่าวได้ปิดขวางถนนซาลาเฮดิน ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญที่เชื่อมพื้นที่ทางตอนเหนือสู่ตอนใต้ของฉนวนกาซา  นอกจากนั้น ยังปรากฏว่ารถถังของอิสราเอลได้ รยิงใส่เข้าใส่รถคันหนึ่งที่พยายามจะแล่นผ่านถนนเส้นดังกล่าว


โดยจากภาพ จะเห็นช่วงขณะที่รถยนต์คันดังกล่าว ถูกรถถังของอิสราเอลยิงจนพินาศ โดยทางด้านปาเลสไตน์ระบุว่า มีคนในรถยนต์ 3 คน เสียชีวิตทั้งหมด


อย่างไรก็ตาม ด้านโฆษกกองทัพอิสราเอลปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่าขบวนรถถังของอิสราเอลได้เคลื่อนเข้าปิดขวางถนนซาลาเฮดินหรือไม่ ซึ่งเป็นถนน 1 ใน 2 สายที่ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้รับแจ้งจากอิสราเอลให้ใช้เส้นทางดังกล่าวในการอพยพลงใต้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง


ขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอล  ได้ลุยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในฉนวนกาซา และทำลายเป้าหมายที่เป็นของกลุ่มฮามาสได้มากกว่า 600 แห่ง  โดยเป้าหมายที่ถูกถล่มนั้น รวมถึงศูนย์บัญชาการของกลุ่มฮามาสและฐานยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถัง และสังหารผู้ก่อการร้ายไปหลายสิบคนที่หลบซ่อนอยู่ในอาคารและอุโมงค์ใต้ดิน


 โดยจากภาพ จะเห็นกลุ่มควันขโมงไปทั่วเมืองกาซาซิตี้อันเป็นผลจากการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอล ขณะเดียวกันจะเห็นการจุดพลุแฟร์สงสัญญาณของทหารอิสราเอลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตามมาด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง


ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซา รายงานยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซานับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากบุกโจมตีตอบโต้กลับกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่า เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยกว่า 8,306 รายแล้ว ในจำนวนนี้เป็นเด็กอย่างน้อย 3,457 ราย


นอกจากนั้น สาธารณสุขปาเลสไตน์เปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในวันจันทร์ ตกใกล้โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกาซาอย่างน้อย 3 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาล อัล-กุดส์ ในกาซา ซิตี้ โดยสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เตือนว่า มีพลเรือนรวมถึงคนไข้และแพทย์พยาบาลกว่า 117,000 คน ติดค้างอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ในภาคเหนือของกาซา


ยูเอ็นเผย ขบวนความช่วยเหลือชุดใหญ่ 33 คันรถ ได้เข้าไปในกาซาแล้ว


ขณะเดียวกัน องค์กรด้านมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติ (OCHA) ยืนยันส่งขบวนรถบรรทุก 33 คันที่บรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปยังกาซาได้แล้ว โดยนับเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างฮามาส-อิสราเอลครั้งล่าสุด โดยเป็น รถบรรทุกอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งยารักษาโรคและอุปกรณ์ที่จำเป็นรวมทั้งหมด 33 คัน ผ่านด่านเมืองราฟาห์ของอียิปต์เข้าไปยังฉนวนกาซา นับเป็นการขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมซึ่งอิสราเอลปิดตายกาซาทั้งหมด


อย่างไรก็ตาม ขบวนรถบรรทุกครั้งนี้ไม่มีรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปด้วย แม้ว่าจะมีการร้องขอมาจากทางโรงพยาบาลก็ตาม โดยในปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆ ต้องใช้เชื้อเพลิงกับเครื่องปั่นไฟฟ้า เนื่องจากการจ่ายไฟฟ้ายังคงถูกตัดขาดโดยอิสราเอล


ทั้งนี้ นับตั้งแต่ถูกอิสราเอลปิดตายกาซา จนถึงวันนี้เพิ่งมีรถบรรทุกรวม 117 คัน ที่สามารถผ่านแดนเข้าไปส่งสิ่งของจำเป็นในกาซา ซึ่งมีประชากรกว่า 2.3 ล้านคนได้ ในขณะที่ช่วงที่ไม่มีสงคราม จะมีรถบรรทุกขนส่งของข้ามพรมแดนมากถึงวันละ 500 คัน

คุณอาจสนใจ

Related News