ต่างประเทศ

'อิสราเอล' ถล่มหนักต่อเนื่อง ยิงจรวดใส่ 'รพ.-ค่ายผู้ลี้ภัย' ด้าน 'โจ ไบเดน' ยันหนุนการกำจัดฮามาส

18 ต.ค. 2566

338 views

สงครามระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาสดำเนินเข้าสู่วันที่ 11 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงถึงขีดสุด เมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกาซาถูกโจมตีจากฝ่ายอิสราเอลเข้าเป้าเกิดระเบิดรุนแรง และไฟลุกไหม้ ทำให้คนป่วย แพทย์ และเจ้าหน้าที่เสียชีวิตมากกว่า 500 ศพ เป็นความสูญเสียในจุดเดียวที่เลวร้ายมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามระเบิดมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม


โดยภาพนี้ เป็นภาพเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ซากอาคารของโรงพยาบาล อัล อาห์ลี ในฉนวนกาซา หลังจากที่ถูกถล่มจากฝ่ายอิสราเอล  


โดยภาพเหล่านี้เป็นภาพของร่างผู้เสียชีวิต ที่ถูกขนย้ายมายังโรงพยาบาล อัลชีฟา โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล โดยมีการลำเลียงทั้งคนเจ็บ และคนตายเข้ามาต่อเนื่องไม่หยุด  


อย่างไรก็ตาม ทางด้านกองทัพอิสราเอลได้ปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีโรงพยาบาลดังกล่าว โดยระบุว่า จากการตรวจสอบด้านข่าวกรองพบว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ถูกโจมตีากจรวดของฮามาสเองที่เกิดยิงผิดพลาด และเข้าเป้าไปที่โรงพยาบาล


โดยภาพนี้ เป็นภาพที่กองทัพอิสราเอลเปิดเผยอกมา จะเห็นแนวจรวดที่ถูกยิงออกมาจากด้านขวามือของภาพ จะเห็นแสงไฟจากจรวดของกลุ่มฮามาสยิงออกมาเป็นระยะๆ หลังจากนั้น ตรงกลางภาพ ก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งอิสราเอลระบุว่าจุดนั้นคือโรงพยาบาลล อัล-อาลีห์ ที่ฝ่ายฮามาสยิงผิดพลาดเอง


การโจมตีโรงพยาบาลในครั้งนี้ ทำให้ชาติอาหรับได้ออกโรงประนามอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น อิหร่าน จอร์แดน อิยิปต์ การ์ตา หรือตุรกี  // ขณะที่โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีของปาเลสไตน์  ประนามการโจมตีครั้งนี้ว่า "อาชญากรรมอันน่าสะพรึงกลัว และเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และว่าประเทศใดก็ตามที่หนุนหลังอิสราเอล จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย


ทางด้าน องค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ประนามการโจมตีดังกล่าวอย่างรุนแรงระบุว่า "อนามัยโลกขอประนามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโรงพยาบาล อัลอาห์ลี อาหรับ " โดยนาย เทดรอส อัดฮานอม เกรเบรเยซูส กล่าวว่า จากรายงานที่ได้รับนั้นมีผู้เสียชีวิตนับร้อยๆคน เราขอเรียกร้องให้มีการปกป้องพลเรือนและระบบสาธารณสุขมากขึ้น"


ขณะเดียวกัน การสู้รบซึ่งล่วงเข้าเป็นวันที่ 11 โดยจากภาพ จะเห็นการโจมตีเหนือเมืองกาซ่า ซิตี้ ที่ยังดุเดือดไม่หยุดจากกองทัพอิสราเอล โดยยอดผู้เสียชีวิตจากทั้ง 2 ฝ่าย พุ่งขึ้นมากกว่า 4,200 คน โดยในฝั่งปาเลสไตน์ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,837 คน ยังไม่รวมผู้เสียชีวิตอีกกว่า500 คน ที่ยังไม่สามารถนับจำนวนได้ทั้งหมดจากเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาล และมีคนเจ็บอีก 11,250 คนด้วย ส่วนฝั่งอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 3,968 คน

-------------
ไปชมภาพสุดสิ้นหวังที่ค่ายผู้ลี้ภัย จาบาเลีย ซึ่งเหลือแต่ซากปรักหักพังหลังจากที่ถูกถล่มทางอากาศโดยกองทัพอิสราเอล


จากภาพ เห็นซากของอาคารที่เหลือแต่กองอิฐกองปูน โดยมีร่างผู้เสียชีวิตทั้งเด็ก และผู้ใหญ่นอนเกลื่อนไปทั่ว  ผู้บาดเจ็บจำนวนมากถูกหามโดยใช้เปลออกมามากซากอาคาร โดยที่ค่ายผู้อพยพแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 คน ซึ่งมีเด็กๆจำนวนมาก


ทั้งนี้ ค่ายผู้อพยพจาบาเลีย ตั้งอยู่ทางด้านตอนเหนือของเมืองจาบาเลีย ในฉนวนกาซา เป็นที่พักพิงของชาวปาเลสไตน์นำนวนมาก และถือว่าเป็นค่ายผู้อพยพที่ใหญ่ที่สุดในปาเลสไตน์ด้วย โดยค่ายผู้อพยพแห่งนี้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานเพื่อผู้อพยพปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ UNRWA)


ขณะเดียวกัน ทางด้าน  UNRWA ก็แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอีก 6 คน ในเหตุการณ์โจมตีที่ค่ายผู้อพยพอีกแห่งหนึ่งชื่อว่า "อัล-มักฮาซี่"  หลังจากที่จรวดของอิสราเอลได้เข้าเป้าที่โรงเรียนภายในค่ายเกิดการระเบิดและไฟไหม้อย่างรุนแรง

-------------

ซาชี ฮาเนกบี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งอิสราเอลประกาศลั่นเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลอิสราเอล ได้ตกลงที่จะจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย หรือ  "เซฟ โซน" ในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาขึ้นแล้ว เพื่อช่วยเหลือพลเรือนในกาซาที่หนีตายจากสงครามให้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากนานาชาติได้ แต่ทว่าได้ย้ำชัดว่า  ความช่วยเหลือ ตลอดจนสิ่งของบรรเทาทุกข์เหล่านั้น จะต้องไปไม่ถึงมือบรรดานักรบฮามาส


"แต่ถ้าหากสิ่งของเหล่านี้ไปไมถึงมือพลเรือน และไปอยู่ในมือของกลุ่มฆาตกรเหล่านั้น "เซฟโซน" ที่ว่านี้ก็จะไม่มีอีกต่อไป "


ทั้งนี้ สิ่งของบรรเทาทุกข์ และความช่วยเหลือจากนานาประเทศนั้นยังคงติดค้างอยู่ในคาบสมุทร ซีนาย ของอิยิปต์นานหลายวันแล้ว เนื่องจากด่านราฟาห์ ระหว่างอิยิปต์ และฉนวนกาซายังคงปิดตาย ยังไม่เปิดด่านให้ส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในฉนวนกาซา


อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สหรัฐ และอิสราเอล เห็นพ้องในแผนการณ์ที่เปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซาได้แล้ว โดยจะจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย หรือ "เซฟ โซน" ดังกล่าว

-------------

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ จะออกเดินทางเยือนอิสราเอลในนี้ (พุธที่ 18 ต.ค.) นับเป็นการเยือนต่างประเทศที่มีเดิมพันสูง ภายหลังจากที่รัฐบาลส่งนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศเยือนอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยก่อนที่จะมีการตัดสินใจเยือนอิสราเอลครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐต้องหารือกับฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองแห่งชาติที่ทำเนียบขาวนานกว่า 7 ชั่วโมง


การเดินทางเยือนอิสราเอล ในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์สุดวิกฤติในอิสราเอล และปาเลสไตน์ โดยวัตถุประสงค์ของการเดินทางก็คือการแสดงความสนับสนุนที่แข็งแกร่งต่ออิสราเอล ในช่วงที่อิสราเอลปฏิบัติการกำจัดฮามาส โดยเตรียมส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในกาซ่า นอกจากนั้น ไบเดน ก็จะหาทางที่จะส่งสิ่งของบรรเทาปัญหามนุษยธรรมในเมืองกาซ่าด้วย


ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า พลเมืองสหรัฐถูกฮามาสโจมตีสังหาร 29 รายในอิสราเอล และพลเมืองอีก 15 คนรวมถึงผู้มีถิ่นพำนักถาวรอีก 1 คนยังไม่ทราบชะตากรรม


นอกจากนี้ นายไบเดนจะเดินทางไปประเทศจอร์แดนด้วย และมีกำหนดพบหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุเลาะห์ที่ 2 รวมถึงนายอับเดล อัลซีซี ประธานาธิบดีอียิปต์


ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่า ได้ชั่งน้ำหนักถึงความเสี่ยงของการเยือนของประธานาธิบดีและเข้าใจว่าปลอดภัยเพียงพอที่จะบริหารจัดการได้และรวมถึงการประกาศการเยือนล่วงหน้าด้วย


นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐระบุว่า นายไบเดนจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะทำงานกับหุ้นส่วนทั้งหมดของสหรัฐในภูมิภาคต่อไป รวมถึงอิสราเอล เพื่อให้พลเมืองรับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและเพื่อจัดหาเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับพลเรือนที่จะอพยพออกมา

--------------


คุณอาจสนใจ

Related News