ต่างประเทศ

คนไทยขอกลับบ้าน ยอดพุ่งกว่า 5 พันคน 'เศรษฐา' รับสถานการณ์อิสราเอล ยังวิกฤต จรวดยิงตลอดเวลา

12 ต.ค. 2566

193 views

วานนี้ (11 ต.ค. 66)  เวลา 21.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ประเทศมาเลเซีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า การช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ว่า


ล่าสุด คนไทยในอิสราเอลและพื้นที่ใกล้เคียงประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 5,000 คน ซึ่งขณะนี้ ต้องยอมรับว่า สถานการณ์แย่ลง และเลวร้ายลง มีจรวดยิงกันตลอดเวลา


ทั้งนี้ เครื่องบินของไทยที่จะออกเดินทางในวันนี้ (12 ต.ค. 66) สำหรับอพยพคนไทย 15 คน นั้น ยังไม่พร้อม เนื่องจากคนไทย 11 คน กำลังเดินทางเข้ามาที่สถานทูต ขณะนี้ จึงมีแค่ 4 คนที่ได้รับบาดเจ็บ อยู่ในสถานทูตปลอดภัยแล้ว


นอกจากนี้ การจราจรในประเทศอิสราเอล ถนนก็ปิดหลายสาย ดังนั้น ทางเดียวที่สามารถเดินทางได้คือต้องอาศัยรถทหาร โดยพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประสานกองทัพอิสราเอล เพื่อขอให้ช่วยใช้รถลำเลียงคนของเราเข้ามายังสถานทูต


แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ขณะนี้ สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ดังนั้น เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะอพยพคน 5,000 คน ให้ได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด


มีปัญหาอยู่ 2-3 ปัญหาใหญ่ คือ ต้องมีเครื่องบินเพียงพอ โดยเราได้ประสาน แอร์เอเชีย ที่จะสามารถบินได้ 2 ลำ หรือมากกว่า และทางนกแอร์ ก็จะมีอย่างน้อย 2 ลำ ส่วนการบินไทยก็อยู่ระหว่างการพิจารณา


ตอนนี้ เราพยายามหาเครื่องบินมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อบินเข้าไปรับคนออกจากอิสราเอล เพื่อไปจอดยังประเทศข้างเคียง จากนั้น บินเข้าไปอีกครั้ง เพื่อไปรับคนไทยในอิสราเอลออกมาให้ได้เร็วที่สุด  


ซึ่งวันนี้ (12 ต.ค. 66) สามารถออกได้เลย แต่ทั้งนี้ ต้องให้มั่นใจว่า เมื่อไปถึงแล้วคนไทยพร้อมที่จะออกมา เพราะการเดินทางในอิสราเอลนั้น มีแค่รถทหารเท่านั้นที่วิ่งได้


ส่วนเครื่องบินของรัฐนั้น มีอยู่ 5 ลำ เมื่อบวกกับเครื่องบินพาณิชย์ขณะนี้ มี 9 ลำ แต่อาจจะมีมากกว่านั้น เพราะขณะนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำลังเร่งเจรจา และยืนยันว่า เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องเล็ก เท่าไหร่ก็จ่ายเท่าไหร่ก็ต้องออกไปให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน สำคัญที่สุด


แต่ยังมีปัญหาที่ตามมา คือ ไม่แน่ใจว่าน่านฟ้าจะเปิดนานเท่าไหร่  และอีกปัญหาคือการลำเลียงคนเข้ามายังสนามบินได้มากเท่าไหร่ เพราะหากนำเครื่องบินไปจอดทิ้งไว้ และไม่สามารถลำเลียงคนมาได้  ก็จะเปล่าประโยชน์  


แต่อย่างไรก็ตาม หากเราไม่เตรียมพร้อม และไม่เตรียมเครื่องบินไว้ ก็จะเสียโอกาสไป เพราะก็มีโอกาสที่น่านฟ้าจะปิดในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น การปฎิบัติการเราต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องเตรียมพร้อม และอาจจะต้องบินเข้าไปก่อน และเข้าไปเสี่ยงว่า จะสามารถนำคนไทยออกมาได้หรือไม่


นายเศรษฐา ย้ำว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลสูงที่สุด ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ และประสานงานอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วน และเช้าวันนี้ น่าจะมีการอัปเดทสถานการณ์อีกครั้ง ขอให้ติดตามฟังข่าวต่อไป


ส่วนเครื่องบินพาณิชย์ ยอมรับว่ามีค่าใช้จ่าย แต่ทางสายการบิน ระบุว่า จะคิดแค่ค่าน้ำมัน แต่นายกฯ ย้ำว่า ค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นเรื่องรอง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด  


ขณะนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ แต่จะทำอย่างไร ให้ทั้ง 5,000 คน มาอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนที่จะอพยพกลับเมืองไทย  แต่หากอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วเครื่องบินไม่มารับ ก็จะมีปัญหาอีก หรือหากเครื่องบินมาแล้ว ไม่สามารถขึ้นลงได้ก็มีปัญหาอีก  


แต่เบื้องต้น รัฐบาลพร้อมที่จะหาเครื่องบินมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งแนวโน้มคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง


"หากน่านฟ้าเปิดตลอด และสถานการณ์ลดความรุนแรงลง ก็ยังมีความหวัง  แต่ถ้าเราเสี่ยงไม่ได้ ตรงนี้ อาจจะต้องเตรียมเครื่องบินให้เยอะกว่านั้น จะได้อพยพคนไทยกลับมาปลอดภัยได้เร็วที่สุด"

----------------

อิสราเอล เป็นเมืองเป้าหมายที่คนไทยในกลุ่มอยากไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากไต้หวันเท่านั้น โดยตอนนี้ มีแรงงานไทย ที่นิยมไปทำงานทำงานที่นิคมการเกษตรโมชาฟ และคิปบุตช์ กว่า 29,000 คน


ซึ่งอิสราเอลขาดแรงงานด้านการเกษตร จึงจ้างแรงงานไทยที่ถนัดด้านการเกษตร นอกจากนั้น ยังมีความร่วมมือระหว่างไทย-อิสราเอล ที่มีกระทรวงแรงเป็นผู้รับผิดชอบ 
----------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/h2F3EpLZdFw

คุณอาจสนใจ

Related News