ต่างประเทศ

สุดเหี้ยม! แรงงานไทยเผยนาที ถูกกระหน่ำยิง-คนตายเกลื่อนแคมป์คนงาน ในอิสราเอล

10 ต.ค. 2566

241 views

กรณี เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบกับแรงงานไทยในอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมทั้งบางคนถูกจับไปเป็นตัวประกัน  

------------

วานนี้ (9 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านพัก หมู่ที่ 7 ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่ง นางสาวสุนิตา คงพิรินันท์ ภรรยาของนายธวัชชัย (เช้ง) แซ่ท้าว หนึ่งในแรงงานที่เสียชีวิต ได้เปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า


ในวันเกิดเหตุ ได้คุยวิดีโอคอลกับสามี ตอนนั้นได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิด นายธวัชชัยยังไปยืนชี้ให้ดูว่า เขายิงจรวดจากทางไหนไปทางไหน และยังได้ยินเสียงปืนบริเวณใกล้ ๆ


ตอนนั้น นายธวัชชัยก็คุยกับลูกเพื่ออวยพรวันเกิด ซึ่งเกิดวันที่ 7 ตุลาคม อายุครบ 2 ขวบ พอดี และยังสัญญากับลูกว่า หากเงินเดือนออก จะซื้อของเล่นให้ลูก


จากนั้น นายธวัชชัยก็เล่าให้ฟังว่า ระหว่างทำงาน จรวดได้ตกมาในบริเวณที่ทำงานแต่นายธวัชชัยหลบได้ ไม่เป็นอะไร


จากนั้น ได้ยินเสียงระเบิดใกล้แคมป์ หรือบริเวณในแคมป์ ไม่แน่ใจ นายธวัชชัยเลยบอกว่าขอตัวไปกินข้าว เผื่อเกิดอะไรจะได้หนี และบอกว่ากินข้าวเสร็จแล้วค่อยคุยกันใหม่ จึงวางสายไป


แต่ผ่านไปนาน นายธวัชชัยก็ไม่โทรมา ตนจึงตัดสินใจโทรไป ครั้งแรกติดแต่ไม่มีคนรับ จึงเว้นช่วง แล้วโทรไปใหม่เป็นครั้งที่สอง ก็ยังไม่มีคนรับ โทรไปครั้งที่สามก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย


ตนพยายามโทรไปตั้งแต่คืนวันที่ 7 และวันที่ 8 อีก ทั้งวันก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนเมื่อวานนี้ (9 ต.ค. 66) ตนจึงติดต่อผ่านเพื่อนของนายธวัชชัย ที่ทำงานอยู่แคมป์เดียวกัน เพื่อนแจ้งว่า นายธวัชชัยเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 ที่ผ่านมา


โดย เพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ นายธวัชชัยก็มานั่งทานข้าวกับเพื่อนคนงาน ระหว่างทานข้าว กลุ่มติดอาวุธได้บุกเข้ามา แล้วขว้างระเบิดใส่ จากนั้น กราดยิงคนงานที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ แต่นายธวัชชัยโดนยิงที่ขาและเอว ยังไม่เสียชีวิต กลุ่มติดอาวุธจึงลากนายธวัชชัยออกมา แล้วยิงเข้าที่ศีรษะ จนสมองกระจาย ศีรษะหายไปครึ่งหนึ่ง


นางสาวสุนิตา ยังบอกอีกว่า ที่บ้านนายธวัชชัย มีฐานะยากจน ครอบครัวนายธวัชชัย มีลูกสองคน โดยนายธวัชชัย เป็นน้องคนสุดท้อง มีพี่สาวอีกคนอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าว กับภรรยา และลูกวัยสองขวบของนายธวัชชัย ส่วนแม่ของนายธวัชชัย ไปขายแรงงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ส่วนพ่อทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ


โดยทุกคนกำลังเร่งทำงานเพื่อมาสร้างครอบครัว ต่อเติมบ้านไว้อยู่อาศัยยามแก่เฒ่า


นายธวัชชัยไปทำงานที่อิสราเอล ก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยนายธวัชชัยพึ่งไปทำงานได้ปีครึ่ง พึ่งหมดหนี้สินที่ได้กู้ยืมเงินมา ตั้งใจว่าจะต่อเติมบ้าน ได้สั่งซื้อเสามา และจะทยอยซื้อของ ตอนนี้ ทางครอบครัวก็ไม่มีเงินเก็บเพราะพึ่งไปทำงาน


ส่วนตอนนี้ ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะนำศพนายธวัชชัยกลับมาประกอบพิธีตามความเชื่อด้วยวิธีใด และจะต้องดำเนินการอย่างไร ภาครัฐก็เพียงแต่บอกว่า ยังไม่มีการยืนยัน แต่การตายก็มีพยานยืนยันที่เห็นเหตุการณ์ ในสถานการณ์สู้รบจะไปพิสูจน์อย่างไร ส่วนญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงพอรู้ข่าว ก็ต่างพากันมาให้กำลังใจ


ในส่วนทางด้านของจังหวัดน่าน เร่งประชุมและประสานงาน ติดต่อแรงงานชาวจังหวัดน่าน ที่ไปทำงานที่อิสราเอล เมืองต่าง ๆ มี 898 คน เป็นชาย 885 คน และเป็นหญิง 13 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคการเกษตร


นอกจากนี้ มีการสอบถามไปยังแรงงานจากพื้นที่ห่างไกลจากการสู้รบ ก็แจ้งว่าเหตุการณ์ยังปกติ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดำรงชีวิต

-----------

เมื่อคืนวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้มีแรงงานชายชาวไทย ชาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย คนหนึ่ง ซึ่งพึ่งเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา และได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกองกำลังฮามาส ที่มีต่อประเทศอิสราเอล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา


ได้ติดต่อกลับมายังประเทศไทย ผ่านทาง เพจ ส่องเชียงราย ซึ่งเป็นเพจข่าวท้องถิ่นใน จ.เชียงราย ว่า


ตนและพรรคพวกเป็นแรงงานชาวไทย ที่เดินทางไปทำงานอยู่ที่เมืองโมชาฟมิสเตอร์คิม ประเทศอิสราเอล ใกล้กับฉนวนกาซา ที่เป็นเขตพิพาท


ซึ่งในย่านนี้ มีคนไทยประมาณ 200 คน เข้าไปทำงานรับจ้างด้านการเกษตรในหลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กัน และในกลุ่มของตน มีประมาณ 20-30 คน


ปรากฎว่า เมื่อเกิดเหตุยิงต่อสู้กัน พวกตนก็หลบหนีไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย และพบมีคนที่เสียชีวิตเพราะถูกยิง ถูกระเบิด สูญหาย และถูกจับไปเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่า มีคนเสียชีวิตมากกว่า 20 คน และสูญหายมากกว่า 30 คน


แรงงานรายดังกล่าว ยังส่งคลิปสภาพที่พัก หรือแคมป์คนงานที่ถูกกลุ่มติดอาวุธบุกยิง จนมีผู้เสียชีวิตหลายรายกลับมา


โดยเป็นภาพการบุกเข้าไปยิงคนภายในห้องพัก ในระยะใกล้เหตุเกิดในเมืองคิวบูท ประเทศอิสราเอล จนทำให้แรงงานแต่ละราย นอนระเกะระกะอยู่กับพื้นห้องพัก  และเมื่อมีคนดิ้นรน ก็มีการยิงซ้ำอย่างโหดเหี้ยม


ซึ่งแรงงานไทยรายเดียวกันนี้ ระบุว่า จุดเกิดเหตุเป็นแคมป์คนงานชาวไทยที่อยู่เป็นกลุ่มใหญ่ และถูกกำลังติดอาวุธบุกเข้าไปกราดยิง จนมีคนเสียชีวิต 17 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของตน และมีผู้ที่หนีรอดออกมาได้เพียง 2 คน ทำให้ตนได้ติดต่อไปยังเพื่อนที่รอดชีวิต เขาก็ยืนยันว่า จุดที่ถูกบุกยิงเป็นแคมป์คนงาน ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้


แรงงานรายนี้ ยังได้ระบุว่า หลังเกิดเหตุ พวกตนถูกส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย และมีกองกำลังทหารของอิสราเอลคอยคุ้มกันอยู่


พร้อมกันนี้ เขายังได้ถ่ายคลิปสั้นยาวประมาณ 30 วิธี ในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 8 ต.ค. ตามเวลาประเทศอิสราเอล โดยเป็นภาพขณะที่แรงงานไทยประมาณ 30 คน อยู่ภายในสถานที่คุ้มกันของทหารอิสราเอล และรอการช่วยเหลือให้พาเดินทางกลับประเทศไทย


แรงงานไทยรายนี้ กล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ ตนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดอีก นอกจากอยากจะกลับประเทศไทยเท่านั้น แต่ปัญหาหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงใหม่ ๆ คือ ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ เพราะมีปัญหาเรื่องสัญญานอินเตอร์เน็ตล่ม


ดังนั้น หลังจากปลอดภัย และถูกส่งไปยังสถานที่ที่ได้รับการคุ้มกันนี้แล้วก็อยากกลับประเทศไทย ดังนั้ง ทางแอดมินเพจได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ และช่องทางติดต่อไปยังสถานเอกอัคราชฑูตราชอาณาจักรไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ และกรมการจัดหางาน เพื่อให้แรงงานคนดังกล่าว ได้โทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อขอรับการช่วยเหลือแล้ว.


ซึ่งล่าสุด แรงงานชาวเชียงรายที่ทำงานอยุ่ที่เมืองโมซาฟมิสเตอร์คิม แจ้งว่า พวกเขา รวมทั้งแรงงานชาวไทย รวมกันประมาณ 100 คน ได้รับการช่วยเหลือจากทางการอิสราเอล ให้ลี้ภัยออกจากเมืองโมชาฟมิสเตอร์คิม ที่อยู่ติดฉนวนกาซา ให้ไปยังเมืองเบียร์ชีบาแล้ว


อย่างไรก็ตาม พบว่า สถานการณ์การสู้รบยังคงมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อีก จึงทำให้มีการหยุดแรงงานทั้งหมดชั่วคราว แล้วพาเดินทางต่อจากเมืองเบียร์ซีบาไปยังเมืองนาตาเนียต่อไป ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่า จะต้องเดินทางไปถึงไหน และจะได้พักที่ใด


"เขาจะส่งไปนาตาเนีย และยังไม่รู้ว่าจะส่งไปไหนต่ออีก แถวมิสเตอร์คิม แถวเยชา เขาจะเอาออกมาให้หมดเลย ทำให้คนไทยต่างพากันเดินเข้าแคมป์ หรือศูนย์อพยพตามจุดต่าง ๆ ทั้งที่ บีเซ่า-นาตาเนีย" แรงงานชาวเชียงราย กล่าวขณะเดินทางโดยไม่ทราบว่าจะมีที่พักปลายทางหรือไม่อย่างไร


ด้านแรงงานไทยอีกคน ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ใช้ภาษาอีสาน เป็นบางช่วงได้เผยแพร่คลิปการหลบหนีภัยออกจากที่พัก หรือแคมป์คนงานแห่งหนึ่ง ในประเทศอิสราเอล และพากันไปอยู่ในโรงเรือนปลูกมะเขือเทศ ซึ่งมีผ้าใบหรือพลาสติกใสปกคลุม เนื่องจากพื้นที่ด้านนอกมีควัน หรือการเผาไหม้จากการปะทะ


ขณะที่ การหลบซ่อนตัวในโรงเรือน ต้องย่อตัวอยู่ภายในต้นมะเขือเทศ และมีสุนัขหลบหนีเข้าไปอยู่ด้วย รวมทั้งปิดเสียงโทรศัพท์ และคอยฟังเสียงภายนอกว่า สงบแล้วหรือไม่ เพื่อหาช่วงจังหวะที่ปลอดภัยหลบหนีออกไป

-----------

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้ง จากข้อมูลของสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงราย มีชาวเชียงรายเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลจำนวน 2,174 คน เป็นชาย 2,148 คนและหญิง 26 คน


โดยอำเภอที่ไปมากที่สุด 10 อันแรก คือ

1. อ.เวียงแก่น จำนวน 523 คน

2. อ.เทิง 319 คน

3. อ.แม่ฟ้าหลวง 303 คน

4. อ.เชียงของ 201 คน

5. อ.เมืองเชียงราย 159 คน

6. อ.แม่สรวย 141 คน

7. อ.พญาเม็งราย 99 คน

8. อ.เวียงป่าเป่า 95 คน

9. อ.แม่จัน 93 คน

10. อ.เชียงแสน 74 คน ฯลฯ


ส่วนใหญ่ไปทำงานเป็นคนงานทางการเกษตรจำนวน 2,140 คน เช่น เก็บผลไม้ ผัก ผลิตอาหาร ฯลฯ และอื่นๆ อีก 34 คน


ไปทำงานทางเขตภาคใต้ของอิสราเอลมากที่สุดถึง 1,072 คน และอยู่ทางตอนกลาง 506 คน ตอนเหนือ 329 คน ที่เหลืออยู่ตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ เช่น เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม ฯลฯ

-----------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/83c9XIIdqW8














คุณอาจสนใจ

Related News