ต่างประเทศ

พ่อแม่แรงงานไทย 'ตัวประกัน' กลุ่มฮามาส อ้อนวอนทั้งน้ำตา ขอรัฐบาลช่วยลูกกลับไทย

9 ต.ค. 2566

165 views

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 10.30 น. ในไทย) กลุ่มฮามาสได้ตัดสินใจโจมตีประเทศอิสราเอล โดยการยิงจรวดทางอากาศประมาณ 5,000 ลูก พร้อมส่งกองกำลังจากฉนวนกาซาเข้าไปยังอิสราเอล เพื่อโจมตีภาคพื้นดิน โดยเฉพาะอิสราเอลตอนใต้และตอนกลาง และได้จับกุมตัวประกันจำนวนมาก


ต่อมา วันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. 66 สถานการณ์ในตะวันออกกลางดุเดือดเข้าขั้นขีดสุด โดยกองทัพอากาศอิสราเอลเปิดฉากตีตอบโต้ เพื่อยึดคืนดินแดนที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกรุก โดยกองทัพอิสราเอล ระบุว่า ขณะนี้ จากการโจมตี 22 จุด ยังคงมีการสู้รบอยู่ใน 8 จุด ภายในดินแดนของอิสราเอล จนทำให้ฉนวนกาซาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ความรุนแรงไม่แพ้การโจมตีของกลุ่มฮามาสต่ออิสราเอล


ทั้งนี้ ประเทศอิสราเอลเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแรงงานไทยเข้าไปทำงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลังจากกลุ่มฮามาสได้เข้าแทรกซึมพื้นที่ทางภาคพื้นดิน ก็ได้จับผู้คนที่อยู่ในประเทศอิสราเอลไว้จำนวนมาก โดยตอนนี้ มีการยืนยันแล้วว่ามี 'ชาวไทย' โดนจับไปเป็นตัวประกันทั้งหมด 11 คน

-----------

วานนี้  (8 ต.ค. 66)  ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 17 บ้านซำตาวัน ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรดาญาติพี่น้องพากันมาปลอบใจ และให้กำลังใจ น.ส.กัญญารัตน์ สุริยะศรี อายุ 39 ปี ที่กำลังร่ำไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม 


เนื่องจาก น.ส.กัญญารัตน์  ได้เห็นภาพที่ญาติส่งมาให้ เป็นภาพของนายโอวาท สุริยะศรี อายุ 40 ปี สามีของตนเองที่ไปทำงานด้านการเกษตรอยู่ที่ประเทศอิสราเอล แล้วถูกคนร้ายกลุ่มฮามาส 2 คน ใช้อาวุธปืนจ่อใส่ร่างของนายโอวาทกับเพื่อนตัวประกันรวม 4 คน ท่ามกลางข่าวที่ระบุว่า  มีแรงงานไทยโดนยิงเสียชีวิตแล้ว 2 คน เนื่องจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลอย่างหนัก ทำให้ น.ส.กัญญารัตน์ กังวลเรื่องความปลอดภัยของนายโอวาทอย่างมาก


น.ส.กัญญารัตน์  เล่าด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า ภาพที่ญาติส่งมาให้ เป็นภาพแรงงานไทยที่นอนราบกับพื้น ตนจำได้ว่า คนที่ถอดเสื้อนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นคนแรกคือ นายโอวาท สามีของตน เนื่องจากจำรอยสักที่หัวไหล่ของแขนทั้ง 2 ข้าง และที่บริเวณแผ่นหลังได้ 

ตนกับนายโอวาทแต่งงานกันมานานแล้ว  มีลูกชายด้วยกัน 2 คน อายุ 14 ปี และ 15 ปี  เมื่อประมาณช่วงเดือน ก.ค. 2564 สามีสมัครไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศอิสราเอล อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไปทำงานนาน 2 ปี 2 เดือนแล้ว  


ปกติแล้วตนจะคุยกันกับสามี ทางเเมสเซนเจอร์เฟซบุ๊ก  จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66  นายโอวาทส่งแชทมาบอกตนว่า 'ยิงกันแล้ว' จากนั้น ตนพยายามติดต่อทั้งโทรศัพท์ และทักแมสเซนเจอร์ไปหานายโอวาท แต่ไม่สามารถติดต่อได้  


ต่อมาทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้ตนเป็นห่วงสามีมาก และพยายามเฝ้าติดตามข่าวความคืบหน้าของสามีอย่างใกล้ชิด


ต่อมาญาติของตน ส่งภาพที่กลุ่มฮามาส 2 คน ถือปืนคุมตัวประกันที่นอนถอดเสื้ออยู่กับพื้น ตนจำรอยสักที่หัวไหล่ 2 ข้างและที่ด้านหลังของสามีตนได้  ตนรู้ทันทีว่า นายโอวาท สามีของตนโดนจับเป็นตัวประกัน โดยมีคนร้ายเอาปืนจ่อหัวคุมอยู่  


จึงพยายามกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอให้นายโอวาทสามีของตนและเพื่อนแรงงานคนไทยทุกคนปลอดภัยจากเหตุการณ์ครั้งนี้


ซึ่งหากว่า นายโอวาท สามีของตนกลับมาอย่างปลอดภัย ตนจะไม่ยอมให้สามีไปทำงานต่างประเทศอีกอย่างเด็ดขาด แม้ว่าจะมีรายได้ดีมากเพียงใดก็ตาม ตนขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาทางช่วยเหลือสามีของตน และเพื่อนแรงงานคนไทยทุกคน ให้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยอย่างเร่งด่วนด้วย

-----------
เมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 66)  ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หมู่บ้านผึ้ง หมู่ 2 ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี บ้านเกิดของนายมณี จิรชาติ อายุ 29 ปี หรือลักกี้ หนึ่งในแรงงานไทยในอิสราเอล ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน โดยมีภาพเผยแพร่ในสื่อโซเซียล และขณะนี้ ยังไม่ทราบชะตากรรม


นายชุมพร จิรชาติ อายุ 50 ปี พ่อของนายลักกี้ เปิดเผยว่า ครอบครัวตนเองมีลูก 2 คน ลักกี้เป็นลูกชายคนโต ไปทำงานที่อิสราเอลจากคำแนะนำของตน เพราะตนเคยไปทำงานที่อิสราเอลมาก่อน ส่วนลูกสาวอยู่ที่อุดรธานี


สำหรับนายลักกี้ ไปทำงานที่คิววูตเรลิม ประเทศอิสราเอล ในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดเทศบาล เกือบจะ 5 ปี แล้ว  ครบสัญญาในเดือนเมษาปีหน้า ก็จะกลับมาบ้าน  


นายชุมพร เล่าว่า ทราบว่า ลูกชายถูกจับเป็นตัวประกันจากเพื่อนของลูกชายที่ทำงานด้วยกัน แต่เพื่อนคนนั้นหนีรอดออกมาได้  


โดยเพื่อนของลูกชาย เล่าว่า ขณะเกิดเหตุโจมตี เพื่อนคนงานทั้งหมดรวม 6 คน วิ่งเข้าไปหลบในอุโมงค์ แต่คนที่รอดวิ่งออกมาปิดแก๊สที่หุงข้าวไว้ พอจะวิ่งกลับไปอุโมงค์ ปรากฎว่า เพื่อน ๆ ในอุโมงค์ ถูกกองกำลังติดอาวุธจับไปหมดแล้ว


ตัวนายชุมพรนั้น พอเห็นภาพลูกชายถูกจับเป็นตัวประกันเผยแพร่ในโซเชียล ตนและภรรยาแทบช็อก ขาสั่นไปหมด ได้แต่พากันร้องไห้  นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเป็นห่วงลูกชาย ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ลูกชายปลอดภัย


หลังจากรู้ข่าวว่า ลูกชายโดนจับ ก็ไปบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วหมู่บ้าน 3 ที่  

  • จุดแรกไปบนที่วัดสุรชัยเจริญ วัดในหมู่บ้าน ขอพรบารมีให้ปู่รักษาลูกชายให้ปลอดภัย  
  • เช้าเมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 66) ก็ให้ภรรยาไปบนบานที่วัดโนนสวรรค์ ว่าหากลูกปลอดภัยกลับมา แม่ก็จะบวชชีพราหมณ์ให้  
  • บนบานกับ ปู่บ่อใต้ที่ อ.สร้างคอม ว่า หากลูกชายรอดปลอดภัยกลับมาได้ ก็จะเอาหมูมาเซ่นไหว้ 1 ตัว เหล้าไห ไก่ตัว ทำอะไรก็ได้ เท่าที่เราจะทำได้


นายชุมพร ยังฝากไปถึงลูกชายว่า หากลักกี้ได้เห็นภาพพ่อและแม่ ก็อยากจะบอกลัคกี้ว่า หากฟังพ่ออยู่ ขอให้ทำจิตใจให้เข้มแข็ง อย่าขัดขืน หากขัดขืน กลุ่มพวกนี้จะยิงทันที เพราะเขาโหดร้าย เนื่องจากตนก็ผ่านตรงจุดนี้มาแล้ว ขอให้มีกำลังใจ ไม่ใช่เราคนเดียวที่โดนจับ  


ตอนนี้มั่นใจว่า ลูกยังมีชีวิตอยู่ อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ลูกชายไปขายแรงงาน กลุ่มพวกนี้คงไม่ทำอะไร ถ้าถามความรู้สึกของพ่อและแม่ ลูกถูกจับแบบนี้ บอกตรง ๆ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ได้แต่ภาวนาให้ลูกปลอดภัย พ่อพูดไป น้ำตาก็ไหลตลอดเวลา


ด้านนางบัวศรี จิรชาติ อายุ 50 ปี  แม่ของนายลักกี้ เล่าว่า

เมื่อ วันที่ 7 ต.ค.66 ตนได้โทรศัพท์คุยกับลูกช่วงเที่ยง ถามสารทุกข์สุขดิบกันปกติ ว่า กินข้าวหรือยัง  เป็นไงบ้างทำงานที่นั้น ซึ่งลูกบอกว่า วันนี้มีการยิงกัน และวางสาย


มารู้อีกทีก็ลูกถูกจับแล้ว ตอน 19.00 น. เพราะว่าเพื่อนลูกชายที่ทำงานด้วยกันที่นั่น บอกว่า ลักกี้ถูกจับกุมเป็นตัวประกัน  แม่เสียใจมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ติดต่อลูกชายไม่ได้อีกเลย


ขอฝากถึงทางการไทยและอิสราเอล ช่วยพาลูกแม่กลับมาอย่างปลอดภัย  ซึ่งลูกชายตั้งใจไว้ว่า เมื่อครบคอนแทร็กปีหน้าจะกลับบ้านแล้ว ตั้งใจว่าจะแต่งงานด้วย  


ส่วนบ้านที่พ่อแม่อยู่ตรงนี้ ก็ได้ลูกชาย ซึ่งไปทำงานที่อิสราเอล เก็บเงินมาซื้อที่และปลูกสร้างเอาไว้  ก็หวังว่าลูกชายจะปลอดภัย  พูดไป หัวอกคนเป็นแม่น้ำตาก็ไหลออกมา

-----------
วานนี้ (8 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพื้นที่ หมู่ 1 บ้านหินโงม ต.หินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี เพื่อไปพูดคุยกับนางเขียน พันธ์ฆ้อง อายุ 85 ปี แม่ของนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี หนึ่งในแรงงานไทยในอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกับภรรยา  


นางเขียน เล่าว่า มีลูกทั้งหมด 9 คน นายบุญถมเป็นลูกคนสุดท้อง ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลหลายปีแล้ว แม่รู้ข่าวแล้วว่าลูกชายถูกจับตัวไป เพราะลูก ๆ เล่าให้ฟัง แม่ตกใจมากและเป็นห่วงลูกชาย จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ


ขณะที่ นางอุไร จันทะชาติ  อายุ 61 ปี พี่สาวนายบุญถม เปิดเผยว่า

น้องชายไปทำงานที่อิสราเอลได้ 5 ปีกว่าแล้ว พอรู้ข่าวก็ตกใจ  ทั้งแม่และพี่สาวก็เป็นห่วงน้องชายมาก คิดถึงน้อง กลัวน้องเป็นอันตราย อยากให้มีชีวิตรอดปลอดภัยกลับมาหาแม่และพี่ ๆ ทุกคนเป็นห่วง ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกปักรักษาให้น้องชายและน้องสะใภ้ให้รอดปลอดภัยด้วยเถิด  และอยากจะวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยน้องชายและคนไทยทุกคนที่ถูกจับด้วย นางอุไรพูดไปก็ร้องไห้ไป


ด้าน นายนพดล จงสมชัย แรงงานจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวนายบุญถม เพื่อให้กำลังใจ พร้อมแจ้งข้อมูลข่าวสาร ชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย ให้ญาติทราบ 


โดยมีแรงงานไทยที่เป็นคนจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน มีจำนวน 5 คน  ประกอบด้วย  

  • นายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ชาวบ้าน อ.สร้างคอม
  • นายอนุชา อ่างแก้ว ชาวตำบลปะโค อ.กุดจับ  
  • นายมณี จิรชาติ ชาวต.นาไหม อ.บ้านดุง
  • นายเกียรติศักดิ์ พาที ชาวอ.พิบูลย์รักษ์  
  • นายมาโนช สีทอง ถูกยิงอาการสาหัส  เป็นชาว ต.เชียงยืน อ.เมือง  


โดยเจ้าหน้าที่แรงงาน จ.อุดรธานี และจัดหางาน จ.อุดรธานี เดินทางไปพบกับครอบครัวผู้ประสบภัยทั้งหมด เมื่อวานนี้


ส่วนกรณีที่มีระบุว่า นางศิริวรรณ พันธ์ฆ้อง เป็นภรรยาของนายบุญถม แล้วถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกันนั้น เป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน โดยนางศิริวรรณยังอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี เป็นหลานสาวของนายบุญถม  


ส่วนภรรยาของนายบุญถมที่ถูกจับเป็นตัวประกัน คือ นางณัฐฐาวรี มูลกัน หรือ โย ชาว จ.ขอนแก่น โดยนางศิริวรรณนำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ถูกจับ แต่ก่อนหน้านี้ ตนเองเคยไป


ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 66) นางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ลงพื้นที่ไปพบนางบุญญาริน ศรีจันทร์ ที่บ้าน ม. 14 ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น แม่ของนางณัฐฐาวรี มูลกัน หรือโย อายุ 35 ปี  แรงงานไทยในอิสราเอล ที่ได้รับการยืนยันว่า ถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมสามี


นางบุญญาริน เล่าว่า  ตนเองอยู่กับหลานสาววัย 8 ปี  2 คน ส่วนลูกสาวไปทำงานบรรจุมันเทศญี่ปุ่น ที่อิสราเอลนานกว่า 5 ปีแล้ว และพบกับนายบุญถม พันธ์ฆ้อง ที่ไปทำงานด้วยกัน  


ปกติแล้วลูกสาวจะโทรศัพท์มาพูดคุยด้วยทุกวัน จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา รู้ข่าวว่าลูกถูกควบคุมตัวจากเพื่อนของลูกสาวที่ไปทำงานด้วยกัน จึงพยายามติดต่อไปหาลูกหลายครั้ง แต่ยังติดต่อไม่ได้ ตอนนี้ห่วงลูกสาวมาก  


ก่อนหน้านี้ เคยบอกให้ลูกกลับมาอยู่บ้าน แต่ลูกสาวบอกว่า ขอทำงานต่ออีก 2 ปี ให้ครบกำหนดสัญญา จึงจะเดินทางกลับไทย ตอนนี้ขออย่างเดียว คือ ให้รัฐบาลพาลูกสาวและคนไทยทั้งหมด กลับบ้านอย่างปลอดภัย


นางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า แรงงานจังหวัดได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลแจ้งให้กับทางครอบครัวแรงงานไทยได้ทราบ เพื่อคลายความกังวล พร้อมกับให้การดูแลอย่างใกล้ชิด


โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้ส่งความห่วงใย และประสานข้อมูลต่าง ๆ มาถึงครอบครัวของแรงงานไทย และกำชับให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อม  หากสามารถอพยพแรงงานไทยได้ ก็จะพาทุกคนกลับบ้านทันที

-----------
วานนี้ (8 ต.ค. 66) ที่บ้านใน หมู่บ้านอำปึล หมู่ 3 ต.โชกเหนือ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายคมกฤษ ชมบัว อายุ 29 ปี แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอล หนึ่งในผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน


มีชาวบ้านเดินทางมาให้กำลังใจ นายสุนันท์ ชมบัว อายุ 54 ปี และ นางพรทิพย์ ชมบัว อายุ 54 ปี พ่อแม่ของนายคมกฤษ ซึ่งตอนนี้ พ่อแม่กำลังวิตกกังวล และเป็นห่วงลูกชายอย่างมาก จนกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ  


ญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน จึงร่วมกันจัดเครื่องเซ่นไหว้ ทำพิธีบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบอกกล่าวบรรพบุรุษตายาย ให้ช่วยคุ้มครองและปกป้องรักษา นายคมกฤษ ให้ปลอดภัย กลับมาประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมเศร้าหมอง เพราะเป็นห่วงนายคมกฤษมาก


นายสุนันท์ และนางพรทิพย์ พ่อแม่ของนายคมกฤษ  กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า

ทราบข่าวจากญาติ ๆ ว่า ลูกชายถูกจับเป็นตัวประกันในช่วง 06.00 น. วันที่ 7 ต.ค.66  ขณะนั้น ลูกชายนอนหลับ พอทราบข่าว พ่อแม่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ กระวนกระวายใจเพราะเป็นห่วงลูกชาย เนื่องจากลูกเป็นคนดี  ขยันอดทน รับผิดชอบดูแลครอบครัว  


ลูกชายไปทำงานรับจ้างก่อสร้างและรับจ้างทั่วไปที่อิสราเอลได้ 4 ปีแล้ว เพราะอยากให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น ทำงานได้เงินเดือน เดือนละ 3-4 หมื่นบาท ก็ส่งมาให้พ่อแม่ และใช้หนี้จากการกู้เงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงาน  


ตอนนี้ ลูกเหลืออีกสัญญาทำงาน 1 ปี ก็จะได้กลับไทยแล้ว แต่ก็มาถูกจับตัวเป็นตัวประกันเสียก่อน  


พ่อแม่ของนายคมกฤษ วิงวอนไปถึงรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือลูกชายของตน และแรงงานไทยคนอื่น ๆ กลับมาอย่างปลอดภัยด้วย  ตอนนี้ ก็ได้แต่บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยคุ้มครองลูกชาย และคนไทย ให้ปลอดภัย  


ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลลำดวน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลโชกเหนือ มาตรวจวัดความดันและตรวจสุขภาพพ่อแม่ด้วย เบื้องต้น พบว่า สุขภาพยังเป็นปกติ  แต่ทีมแพทย์ห่วงเรื่องการไม่ได้พักผ่อน และความเครียดจากการเป็นห่วงลูก จึงต้องให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด


ขณะที่นายอำเภอลำดวน ,นายก อบต.โชกเหนือ และผู้นำชุมชน ก็ลงพื้นที่เยี่ยมปลอบขวัญและให้กับลังใจแก่พ่อแม่ของเหยื่อตัวประกันในอิสราเอลแล้ว และในวันนี้ (9 ต.ค. 66) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงาน จ.สุรินทร์ ก็จะมาเยี่ยมให้กำลังใจอีกด้วย
-----------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/9RpS3bY32u4














คุณอาจสนใจ

Related News