ต่างประเทศ

ยืนยันแล้ว 'เรือดำน้ำไททัน' ระเบิดใต้ทะเล 5 ชีวิตดับยกลำ - เผยภรรยาเจ้าของเรือ เป็นเหลนของปู่ย่าทวด ที่เสียชีวิตจากไททานิก

โดย nattachat_c

23 มิ.ย. 2566

776 views

จากกรณี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย. 66 ได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ 'เรือดำน้ำไททัน' เรือดำนำขนาดเล็กของเรือดำน้ำ ‘ไททัน’ ของบริษัทนำเที่ยวเอกชน ‘โอเชียนเกต’ สัญญาณขาดหาย ระหว่างดำน้ำสำรวจซากเรือไททานิกที่จมอยู่ก้นทะเล ในมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมผู้โดยสารในเรือ 5 คน


ล่าสุด วันนี้ (22 มิ.ย. 66) พลเรือตรี จอห์น มอเจอร์ ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งเขตที่ 1 (พื้นที่แอตแลนติก) ยืนยันว่า ยานสำรวจใต้น้ำควบคุมระยะไกล (ROV) จาก 'เรือ โฮไรซอน อาร์ติก' พบชิ้นส่วนหางรูปกรวย (tail cone) ของเรือดำน้ำไททัน ห่างจากซากหัวเรือไททานิกประมาณ 1,600 ฟุต


และ พบซากชิ้นส่วนขนาดใหญ่อื่นๆ รวมถึง ส่วนปลายแหลมด้านหน้าเรือ กับส่วนนอกของห้องแรงดัน ซึ่งซากที่พบชี้ว่า เรือดำน้ำลำนี้สูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร ทำให้เกิดการ 'อิมโพลชั่น'  (การถูกบีบอัดเข้าสู่ตัวเรือจนระเบิด)


พลเรือตรี มอเจอร์ ระบุอีกว่า ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์เศษชิ้นส่วนที่พบแล้ว และได้แจ้งข่าวให้แก่ครอบครัวของผู้โดยสารทั้ง 5 คน บนเรือทราบแล้ว ก่อนจะกล่าวขอบคุณผู้เชี่ยวชาญทุกคนและทุกหน่วยงาน ที่ช่วยเหลือในการค้นหาเรือดำน้ำลำนี้


ส่วนของการค้นหา ยาน ROV จะอยู่ในพื้นที่ต่อไป เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ หลังการพบซากเรือ ขณะที่ดูเหมือนว่าเสียงดังใต้ทะเลที่ตรวจจับได้ก่อนหน้านี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำไททัน


ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งเขตที่ 1 ยอมรับว่า การลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชัดเจนนั้น ต้องใช้เวลา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องเผชิญสภาพแวดล้อมของปฏิบัติการ ที่ซับซ้อนจนน่าเหลือเชื่อ ที่ใต้ทะเลลึกกว่า 2 ไมล์ แต่เขาเชื่อในท้ายที่สุด หน่วยยามฝั่งจะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า เกิดอะไรขึ้นกับเรือดำน้ำไททัน


พลเรือตรี มอเจอร์ กล่าวว่า พวกเขาเตรียมถอนกำลังเจ้าหน้าที่กับเรือออกจากที่เกิดเหตุภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า แต่จะดำเนินการค้นหาร่างผู้โดยสารต่อไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถบอกได้ว่า จะเก็บกู้ร่างของทั้ง 5 คนในเรือดำน้ำ ได้หรือไม่

-------------
ผู้เสียชีวิต ใน 'เรือดำน้ำไททัน' ทั้ง 5 คน มีดังนี้


1. สต็อกตัน รัช อายุ 61 ปี 

ผู้ก่อตั้ง และ ซีอีโอของ OceanGate


2. ฮามิช ฮาร์ดิง อายุ 58 ปี 

นักธุรกิจมหาเศรษฐี และนักสำรวจ ชาวอังกฤษ


3. ปอล อองรี นาโชเลต์ อายุ 77 ปี (ผู้ขับเรือดำน้ำไททัน)

ได้ชื่อว่าเป็น ‘นักสำรวจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไททานิก’ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำลึก


4. ชาห์ซาดา ดาวูด อายุ 48 ปี

นักธุรกิจชาวปากีสถาน รองประธานของกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของปากีสถาน


5. สุเลมาน ดาวูด อายุ 19 ปี

ลูกชายของ ชาห์ซาดา ดาวูด

-------------

หลังจากที่ หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่า ซากปริศนาที่พบใกล้เรือไททานิกนั้น เป็นซากของเรือดำน้ำไททันที่หายไปจริง ซึ่งพบซากดังกล่าว บริเวณใต้ท้องมหาสมุทร ใกล้กับซากเรือไททานิก บริษัท โอเชี่ยนเกต เอ็กพิดิชั่น จึงได้ออกแถลงการณ์ ว่า


ผู้โดยสาร พร้อมคนบังคับเรือ 5 ชีวิต เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว หลังเรือถูกแรงดันจากมวลน้ำบีบอัดจนเรือเกิดการระเบิด หรือที่เรียกว่า 'อิมโพลชั่น' (Implosion) ซึ่งเป็นการถูกบีบอัดจากแรงภายนอกเข้ามาภายใน เป็นการระเบิดในทิศทางตรงกันข้ามกับคำว่า 'เอ็กซ์โพลชั่น' (Explosion) ซึ่งเป็นการระเบิดจากภายในออกสู่ภายนอก


บริษัท โอเชี่ยนเกต ระบุว่า "บุคคลเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นนักผจญภัยอย่างแท้จริง ที่ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย และได้แสดงให้เห้นถึงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่จะสำรวจและปกป้องมหาสมุทของโลกเรา หัวใจของเราขอจงอยู่กับวิญญาณทั้ง 5 และขอให้กำลังใจกับสมาชิกครอบครัวของผู้สูญเสีย ในโศกนาฎกรรมครั้งนี้”

-------------

เปิดประวัติ 'ไททานิก' เรือที่ใหญ่ที่สุด สวยงามที่สุด หรูหราที่สุด เรือที่แล่นได้เพียงเที่ยวเดียว ก่อนจะจมลงใต้มหาสมุทรแอตแลนติก และหลับใหลจนถึงปัจจุบัน


วันที่ 19 เมษายน 1912 

เรือไททานิกได้ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง โดยเรือไททานิกเป็นการเดินทางจากเซาแธมป์ตันไปยังนิวยอร์ก ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1 พันคน จากผู้โดยสารทั้งหมดกว่า 2,200 คน 


และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ในปี 1985 ได้มีการสำรวจและค้นพบว่าซากเรือไททานิกอยู่ในจุดไหน โดยพบว่าเรือได้หักออกเป็น 2 ส่วนคือ หัวเรือกับท้ายเรือ ห่างกัน 790 เมตร แต่ไม่สามารถเพราะเรือไททานิกนั้นมีขนาดใหญ่มาก และจมอยู่ในความลึกถึง 3,800 เมตร 


ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา เพิ่งมีการสแกนดิจิทัลซากเรือขนาดเต็มเป็นครั้งแรก โดยถูกสร้างขึ้นโดยใช้การทำแผนที่ใต้ทะเลลึก การสแกนแสดงทั้งขนาดของเรือ ตลอดจนรายละเอียดทุกอย่างที่ทำได้


เรือไททานิกคือหนึ่งในความท้าทายของนักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ ต่างต้องการเดินทางลงไปใต้ทะเลลึก เพื่อขอเห็นซากตำนานอย่างไททานิก

--------------

บริษัท โอเชี่ยนเกต เอ็กซ์พิดิชั่น (Oceangate Expedition) เริ่มให้บริการดำดิ่งใต้มหาสทุทรมาตั้งต่ปี 2009 โดยทำการดำมาแล้วมากกว่า 200 ครั้งโดยมีเรือให้บริการ 3 ลำ ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติด แปซิฟิค และในอ่าวเม็กซิโก


ในส่วนของ เรือไททัน นั้น บริษัทอ้างว่าได้รับการออกแบบให้ดำได้ลึกที่สุดในบรรดา 3 ลำ โดยดำลงไปได้ที่ความลึก 13,000 ฟุต หรือ 4,000 เมตร


เรือดำน้ำไททันมีความยาว 6.7 เมตร สูง 2.5 เมตร ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และไททาเนียม หนักประมาณ 10.4 ตัน เครื่องยนต์ 4 ตัวความเร็วสูงสุด: 3 น็อต (5.5 กม./ชม.) ดำได้ลึกถึง 4,000 เมตร ซึ่งเพียงพอที่จะลงไปสำรวจซากเรือไททานิก


มีรายงานว่า ทั้งโลกมีเรือดำน้ำขนาดเล็กเพียง 5 ลำ เท่านั้นที่ สามารถบรรทุกคนลงไปได้ลึกขนาดนี้ ซึ่งไททันเป็นหนึ่งในนั้น


ไทนัน ระบบแสงและโซนาร์ล้ำสมัย รวมถึงวิดีโอ 4K และอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ติดตั้งไว้ทั้งภายในและภายนอกเรือ รวมถึงระบบตรวจสอบสุขภาพตัวเรือตามเวลาจริง ซึ่งวิเคราะห์ความดันบนเรือและความสมบูรณ์ของโครงสร้างได้แบบเรียลไทม์


ตัวยานทำงานโดยใช้จอยวิดีโอเกม นนการควบคุม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และในยุทโธปกรณ์ทางทหารของหลายประเทศในปัจจุบัน ก็ใช้จอยเกมในการควบคุมเช่นกัน


ไททันสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 5 คน คาดว่า มีออกซิเจนเพียงพอที่จะอยู่ใต้น้ำ 96 ชั่วโมง (4 วัน)


ตัวเรือดำน้ำไททันจถถูกล็อกจากภายนอก และผู้โดยสารข้างในไม่สามารถเปิดออกมาเองได้ ถึงจะออกมาได้ก็จะเผชิญกับแรงดันมหาศาลจนเสียชีวิต

--------------

เปิดไทมไลน์ 'เรือดำน้ำไททัน' เที่ยวสุดท้าย ตามเวลาประเทศไทย


วันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย. 66

เวลา 19.00 น. เริ่มดำลงไปชมไททานิก

เวลา 20.45 น. ขาดการติดต่อ


วันจันทร์ที่ 19 มิ.ย. 66

เวลา 04.40 น. ยืนยันการสูญหาย ทำให้ สหรัฐฯ - แคนาดา เริ่มปฎิบัติการค้นหา


วันอังคารที่ 20 - วันพุธที่ 21 มิ.ย. 66 ทีมค้นหาพบ 'เสียงใต้น้ำ' และเริ่มจำกัดวงค้นหา


วันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย. 66

เวลา 17.00 น. ออกซิเจนหมด 


วันศุกร์ที่ 23 มิ.ย. 66
หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ แถลงอย่างเป็นทางการว่า 'เรือดำน้ำไททัน' ระเบิดใต้ทะเล ไม่มีผู้รอดชีวิต

-------------

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ภรรยาของสต็อกตัน รัช ซีอีโอ บริษัทโอเชียนเกต และเป็นผู้บังคับการเรือดำน้ำไททัน ที่ระเบิดใต้มหาสมุทรแอตแลนติก เป็นเหลนของปู่ย่าทวด ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเรือไททานิก


รายงานระบุว่า นางเวนดี้ รัช ภรรยาของนายสต็อกตัน รัช วัย 61 ปี  นั้น เป็นเหลนของ นาย "อิซิดอร์" และนาง "ไอด้า สเตราส์" สองสามีภรรยาที่เสียชีวิต ในโศกนาฏกรรมเรือไททานิก ชนภูเขาน้ำแข็ง จนจมสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อ 111 ปีก่อน


โดยตำนานของโศกนาฏกรรมเรือไททานิก บันทึกไว้ว่า นาย อิซิดอร์ ซึ่งร่วมก่อตั้งห้างสรรพสินค้าชื่อดังในสหรัฐ คือ ห้าง "เมซี่"  และนางไอดา สเตราส์ สามีภรรยา ฐานะร่ำรวยจากนิวยอร์ก เป็นผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส ซึ่งเป็นกลุ่มผู้โดยสารร่ำรวยที่สุดบนเรือไททานิก เดินทางมาพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรืออีกกว่า 2,200 คน จากเมืองเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ กลับมายังนิวยอร์ก เมื่อปี 1912


ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่า เรือไททานิก ซึ่งเป็นเรือโดยสารหรูหราที่สุดและขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้น จะประสบอุบัติเหตุชนกับภูเขาน้ำแข็งจนอับปาง จมมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ


จากปากคำของผู้รอดชีวิต เล่าว่า นายอิซิดอร์ได้ปฏิเสธที่จะลงเรือกู้ภัยจนกว่าเด็กและผู้หญิงทั้งหมดบนเรือไททานิกจะได้ลงไปเรือชูชีพก่อน ทำให้นางไอด้า ไม่ยอมลงเรือชูชีพเช่นเดียวกับนายอิซิดอร์ ผู้เป็นสามีด้วย  ทำให้ในเวลาต่อมา สองสามีภรรยาได้เสียชีวิตจากการจมน้ำที่ทะลักเข้ามาบนเรือไททานิก หลังจากชนกับภูเขาน้ำแข็ง จนเรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก แตกหักเป็นสองส่วน และจมสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก


ตำนานของนายอิซิดอร์และนางไอด้า สเตราส์ในโศกนาฏกรรมเรือไททานิก ได้ทำให้ “เจมส์ คาเมรอน” ผู้กำกับภาพยนตร์คนดัง นำเรื่องราวนี้มาอยู่ในภาพยนตร์เรื่องไททานิก ที่เขาเป็นผู้กำกับ จนทำให้คนดูหนังรู้สึกเศร้าเสียใจ เมื่อเห็นสองสามีภรรยานอนโอบกันบนเตียงด้วยความรักเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อจะได้ลาจากโลกนี้ไปพร้อมกัน ขณะที่น้ำทะเลทะลักเข้ามาในเรือไททานิก

--------------

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า อดีตพนักงานของโอเชียนเกท 2 คน ได้เคยแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของเรือ ทั้งความหนาของตัวถังเรือ และแสดงความวิตกกังวลถึงความลึกที่เรือดำลงไปนั้นมากเกินไป ก่อนที่จะถูกบริษัทไล่ออก


พนักงานรายแรก คือ นาย เดวิด ล็อคริดจ์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางทะเลของบริษัท โดยเขาได้ยื่นฟ้องบริษัทหลังจากถูกเลิกจ้างโดยมิชอบในปี 2018 เนื่องจากแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย และการทดสอบเรือไททันที่หายไปลำดังกล่าว


รายงานระบุว่า นาย ล็อคริดจ์ ทำงานให้กับโอเชียนเกทในปี 2558 และกลายเป็นพนักงานระหว่างปี 2559-2561 ตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล บริษัทเลิกจ้างเขา และยื่นฟ้องล็อคริดจ์ในปี 2561 โดยอ้างว่า เขาได้แชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ ยักยอกความลับทางการค้า และใช้บริษัทเพื่อช่วยเหลือด้านการย้ายถิ่นฐาน จากนั้นจึงสร้างเหตุผลที่จะถูกไล่ออก  


นายล็อคริดจ์ กล่าวว่า เขาได้รับมอบหมายจาก สต็อกตัน รัช เพื่อตรวจสอบเรือดำน้ำ ซึ่งเขาได้แสดงความกังวลว่า ไม่มีการทดสอบแบบไม่ทำลายบนตัวเรือไททัน เพื่อตรวจหาการหลุดล่อน ความพรุน และช่องว่างของการยึดเกาะที่เพียงพอ และได้รับแจ้งว่าไม่มีอุปกรณ์ที่เพียงพอ


ทั้งนี้ คดีดังกล่าวได้การตัดสินและยกฟ้องในเดือนพฤศจิกายน 2018 โดยไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขของข้อตกลง ของทั้งสองฝ่าย


ส่วนพนักงานอีกคนนั้น ทำงานสั้นๆ ในบริษัทช่วงเดียวกัน ก็มีความกังวลเกี่ยวกับถังคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวถังถูกสร้างขึ้นมาให้มีความหนาเพียงแค่ 5 นิ้วเท่านั้น โดยเขาระบุด้วยว่า มีความกังวลอย่างมาก และได้แจ้งกับทางบริษัทว่า โอเชียนเกทอาจจะละเมิดกฎหมายของสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ หลังจากนั้นทางบริษัทก็เลิกจ้างเขาทันที  


ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า บริษัท โอเชียนเกท เอ็กซ์เพดิชั่นส์ ได้ปฏิเสธในการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมาตลอด โดยนาย วิล โคห์เนน จากสมาคมเทคโนโลยีใต้ทะเล ระบุว่า ว่า โอเชียนเกท เอ็กซ์เพดิชั่นส์ ไม่ได้ทำตามบรรทัดฐานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางทะเลมาตั้งแต่แรก เนื่องจากทางบริษัทปฏิเสธที่จะนำเรือ ไททัน เข้ารับการตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวดโดยสมัครใจ


นายโคห์เนน ได้เปิดเผยว่า เขาเคยได้บอกกับ “สต็อกตัน รัช” เจ้าของโอเชียนเกทถึงความกังวลของสังคม ต่อเรื่องนี้  และอุตสาหกรรมการดำน้ำทั้งหมด  และย้ำว่า โอเชี่ยนเกตส์ ควร พิจารณาที่จะให้มีการตรวจมาตรฐานด้านความปลอดภัย


นายโคห์แนน ย้ำด้วยว่า “ในโลกนี้มีเรือดำน้ำอยู่ 10 ลำ ที่สามารถดำน้ำได้ลึกกว่า 12,000 ฟุต ทุกลำได้รับการรับรอง ยกเว้นเรือดำน้ำของโอเชียนเกท”

------------
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาย สุไลมัน ดาวูด นักเรียนวัย 19 ปี ซึ่งเขาเป็นลูกชายของนา ชาห์ซาดา ดาวูด มหาเศรษฐีชาวปากีสถาน ที่ลงเรือไททันไปด้วยกันนั้น แท้จริงแล้ว นาย สุไลมาน กลัวการเดินทางไปกับเรือไททันมาก และไม่อยากไปเลย แต่ทว่าเขาเพียงอยากจะทำเพื่อพ่อ เนื่องในวันพ่อ เพราะพ่อต้องการจะไปชมไททานิคมาก 


 การเปิดเผยนี้มาจาก นางอัซเมห์ ดาวูด ผู้เป็นป้าของ นาย สุไลมาน นั่นเอง โดยเธอได้เปิดเผยกับสำนักข่าวเอ็นบีซีของสหรัฐว่า จริงๆแล้ว หลานของเธอกลัวการเดินทางครั้งนี้มาก และไม่อยากไปแล้ว  


แต่ก็เพราะเขาอยากจะเอาใจพ่อเนื่องในวันพ่อ จึงยอมเดินทางไปด้วยกัน โดยที่พ่อของเขานั้นมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะดำดิ่งลงไปชมซากเรือไททานิค


"ฉันคิดถึง สุไลมาน มาก เขาอายุ 19 แล้ว เขาอาจจะหายใจไม่ออก มันอึดอัดมากจริงๆ" นาง อัซเมห์กล่าว


ทั้งนี้ นายชาห์ซาดา เป็นนักธุรกิจชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน วัย 48 ปี มาจากตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่งของปากีสถาน เขาเดินทางกับลูกชายของเขา สุไลมาน ซึ่งเป็นนักเรียนอายุ 19 ปี

------------

คุณอาจสนใจ

Related News