ต่างประเทศ

ตร.เกาหลีใต้ จับเจ้าของฟาร์มหมู ทิ้งศพ 'ลุงบุญชู' ช็อกสภาพความเป็นอยู่ - เมียเปิดใจสุดเศร้า

โดย weerawit_c

9 มี.ค. 2566

858 views

วานนี้ (8 มี.ค.) ทีมข่าวรายงานงานว่า จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ "สิงหราช มอญขาม" ได้โพสต์ข้อความตามหาแรงงานไทยคนหนึ่งที่หายตัวไปจากฟาร์มหมู ในเมืองโพชอน โดยแรงงานที่ว่านี้คือลุงบุญชู ซึ่งหายตัวไป 3 ถึง 4 วันแล้ว ซึ่งเจ้าของฟาร์มหมูบอกว่า ลุงย้ายไปที่อื่นแล้ว



หลังจากนั้นก็มีคนไปแจ้งตำรวจเมืองโพชอนเรื่องคนหาย ตำรวจจึงลงพื้นที่ไป และนำกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบ จึงพบสิ่งผิดปกติว่า เจ้าของฟาร์มดังกล่าวขับรถแทรกเตอร์มุ่งหน้าไปยังภูเขาที่อยู่ใกล้กับฟาร์ม ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบภูเขาและพบร่างของลุงบุญชู นอนเสียชีวิตโดยสวมชุดกันหนาว และรองเท้าข้างเดียว ขณะที่รองเท้าอีกข้างวางอยู่ที่หน้าอก เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตร เบื้องต้นระบุว่า ลุงบุญชูน่าจะเสียชีวิตด้วยปัญหาสุขภาพ ไม่ใช่การฆาตกรรม



ทั้งนี้ลุงบุญชูทำงานอยู่ที่ฟาร์มหมูมาอย่างน้อย 10 ปี เจ้าของฟาร์มไม่กล้าไปแจ้งความเพราะคุณลุงเข้ามาทำงานอย่างผิดกฏหมาย หรือเป็นผีน้อย รายงานยังระบุว่า ลุงเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยเดือนหน้า



ต่อมาตำรวจเกาหลีใต้จับกุมตัวเจ้าของฟาร์ม พร้อมกับตั้งข้อหาทิ้งศพเพื่อปกปิดความผิด ซึ่งเจ้าของฟาร์มก็ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ขณะนี้ตำรวจเกาหลีใต้ ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานและหน่วยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของฟาร์มดังกล่าว และพิสูจน์ว่า ผู้เสียชีวิตถูกกระทำทารุณหรือไม่



ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับนางมะลิ ประวะเสนัง อายุ 59 ปี ที่บ้านเลขที่ 101 บ้านทางขวาง ม.11 ต.ทางขวาง อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นภรรยาของนายบุญชู ประวะเสนัง อายุ 67 ปี แรงงานไทย ที่ไปเป็นผีน้อย รับจ้างทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งในเมืองโพชอน จังหวัดคยองกี ประเทศเกาหลี และเสียชีวิตในฟาร์มดังกล่าว



โดยนางมะลิ กล่าวว่า ก่อนจะทราบเหตุว่า นายบุญชูเสียชีวิตนั้น ไม่สามารถติดต่อสามีได้ จึงประสานคนไทยในประเทศเกาหลี ให้ไปตรวจสอบที่ฟาร์มที่สามีทำงานอยู่ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ จนพบศพนายบุญชูที่เชิงเขา ใกล้ฟาร์ม และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายคิม อายุ 60 ปี เจ้าของฟาร์มไปสอบสวน จนทราบว่า นายคิมไปพบนายบุญชู นอนเสียชีวิตในที่พัก กลัวความผิด จึงนำศพใส่รถไถไปทิ้งที่เชิงเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาทิ้งศพ



นางมะลิ กล่าวอีกว่า สามีไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้กว่าสิบปีแล้ว เพราะครอบครัวยากจน สามีต้องการทำงานหาเงินมาใช้หนี้ และสร้างฐานะให้ครอบครัวอยู่ดีมีความสุข แต่สามีไปแบบนักท่องเที่ยว และแอบทำงาน เป็นผีน้อยทำงานในฟาร์มหมูจุดเกิดเหตุมาตลอด ในแต่ละวันสามีจะโทรศัพท์มาหามาคุย ในแต่ละเดือนจะส่งเงินมาให้ใช้หนี้และส่งลูกชายเรียน และเรียนจนจบปริญญาตรี ซึ่งขณะนี้ลูกชายเรียนจบแล้ว เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ลูกชายช่วยพ่อหาเงินใช้หนี้จนหมดแล้ว ลูกชายจึงขอร้องให้พ่อกลับบ้านตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่พ่อไม่ยอมกลับ เพราะพ่อต้องการหาเงินสร้างบ้าน ซื้อวัว ควาย และหมูมาเลี้ยง



แต่ละเดือนที่สามีส่งเงินมาก็จะซื้อวัว ควายและหมูมาเลี้ยง โดยทุกครั้งที่สามีโทรศัพท์มาคุยจะบอกว่า ทำงานสบายและมีความสุขดี ขอทำงานเก็บเงินอีกสักก้อน ก็จะเดินทางกลับบ้านในวันที่ 20 มี.ค. ที่จะถึงนี้ และก่อนที่สามีจะเดินทางกลับ ทางบ้านได้สร้างฟาร์มหมู วัว ควาย ไว้รอเรียบร้อยแล้ว โดยสามีชอบควายเพศเมียที่ชื้อพลอยชมพูมาก ทุกครั้งที่โทรศัพท์มาจะต้องขอดูควายตัวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ท้องใกล้คลอดแล้ว ก็คิดว่า เมื่อสามีกลับมาก็จะได้มาเลี้ยงควายน้อยที่เพิ่งคลอด



นางมะลิ กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศติดต่อมาพูดคุย พร้อมกับสอบถามถึงความต้องการของครอบครัว จึงแจ้งไปว่าเป็นไปได้อยากได้ศพสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีค่าใช้จ่าย 11 ล้านวอน หรือประมานสามแสนกว่าบาทไทย แต่ครอบครัวไม่มีเงิน จึงคุยกันในครอบครัวว่า วันที่ 11 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ตนและลูกชายจะเดินทางไปที่เกาหลี เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ไทยประกอบพิธีทางศาสนา เผาศพสามีให้เสร็จสิ้น



จากนั้นจึงนำเถ้ากระดูกกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับสามี และยังต้องหากู้เงินไปใช้จ่ายในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆตามขั้นตอนของกฏหมายในประเทศเกาหลี ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นเงินจำนวนเท่าใด ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ขณะนี้ ทางอำเภอแวงน้อยและผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้การช่วยเหลือมาเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ซึ่งจะนำเงินก้อนนี้เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ที่จะบินไปประเทศเกาหลีในวันที่ 11 มี.ค. นี้



ด้านศูนย์แรงงานข้ามชาติเมืองโพชอนตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตของแรงงานไทยอาจเกิดจากสภาพการทำงานที่โหดร้าย เพราะผู้เสียชีวิตต้องดูแลหมูในฟาร์มเกือบ 1,000 ตัว



ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน หน่วยงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของเกาหลีใต้เขาตรวจที่พัก ฟาร์มหมูในยองบุก-มยอน โพชอน-ซี จ.คยองกี การรายงานมีดังนี้



1.สภาพกลิ่นแรงมาก เจ้าหน้าที่ใช้หน้ากาก KF94 แต่ยังได้กลิ่น เอาไม่อยู่



2.หน้าห้องพักมีซากหมูที่ห่อด้วยพลาสติก



3.โรงเรือนพักถูกสร้างอย่างง่าย มีเพียงผนังปูนที่กั้นกับโรงเลี้ยงหมู พบคราบมูลสุกรไหลลงมาตามผนัง



4.ห้องพักขนาด 3*3 เพียงพอสำหรับ 2 คนนอน สิ่งของเกลื่อนกลาดบนพื้นปูด้วยไวนิล วอลล์เปเปอร์ขึ้นรา บางทีอาจเป็นเพราะความชื้น เชื้อรากระจายไปทั่ว



5.คุณลุงทำงานที่นี่ 10 ปี ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น ขยะ และเสียงหมูร้อง หลังจากเข้าประเทศเกาหลีด้วยวีซ่าท่องเที่ยวในปี 2013



6.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ทำการชันสูตรศพได้ให้ความเห็นด้วยปากเปล่าเป็นครั้งแรกว่า “ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการฆาตกรรม” เจ้าหน้าที่แรงงานกำลังตรวจสอบว่าสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ มีส่วนทำให้เสียชีวิตหรือไม่



เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องวัดความเข้มข้นของก๊าซที่ซับซ้อน เพื่อวัดไฮโดรเจนซัลไฟด์และคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ใกล้ที่พักคุณลุง



7.ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า คุณลุงถูกพบเป็นศพในที่พักในอาคารโรงนา เป็นไปได้ว่าเขาได้รับไฮโดรเจนซัลไฟด์จากมูลสัตว์” มันอันตราย” (จากการสันนิษฐาน จากสภาพแวดล้อม)



8.กลุ่มสนับสนุนแรงงานข้ามชาติสงสัยว่าคุณลุง เสียชีวิตเพราะทำงานหนักเกินไป


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/8tJNz6C9OH4

คุณอาจสนใจ

Related News