ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในออสเตรเลียพุ่งสูงสุดรอบ 2 เดือน รัฐบาลขอประชาชนทำงานที่บ้าน

สำนักข่าวต่างประเทศในวันนี้ (20 ก.ค. 65) ว่า รัฐบาลออสเตรเลียเรียกร้องให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน พร้อมแนะสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่ร่ม และ เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งใกล้แตะระดับสูงสุด


ซึ่งออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อสะสมรวมกว่า 300,000 คน แต่เชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ถึง 2 เท่า โดยเมื่อวานนี้ ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53,850 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน


ล่าสุด นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส (Anthony Albanese) ประกาศแนะนำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่ร่ม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ยังไม่ออกเป็นมาตรการบังคับ ซึ่งผู้นำออสเตรเลียยังเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน


ด้านนายพอล เคลลี (Paul Kelly) ประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลีย คาดว่าตัวเลขผู้ป่วยที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น การทำงานจากบ้าน ถือเป็นกลไกสำคัญในการยับยั้งการแพร่ระบาด แต่ยังไม่แนะนำให้กลับมาใช้มาตรการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัย


ซึ่งสวนทางกับแพทย์หลายคนที่ออกมาบอกว่า รัฐบาลควรบังคับให้ประชาชนกลับมาสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่ร่มอีกครั้ง


ปัจจุบัน ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลราว 5,300 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ในรัฐควีนส์แลนด์, แทสเมเนีย และเวสท์เทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งแตะสถิติสูงสุดที่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่ 5,390 คน โดยเป็นช่วงเวลาที่โอมิครอน BA.1 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก


ทางการออสเตรเลียยังเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เนื่องจากกำลังมีจำนวนลดลง โดยปัจจุบัน ออสเตรเลียมีประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ขึ้นไปแล้วประมาณ 71%