'โจ ไบเดน' ทุ่ม 20 ล้านดอลลาร์ รับมือ 'ลองโควิด' ชี้ทำเศรษฐกิจเสียหาย เกือบ 4 แสนล้านเหรียญ

โจ ไบเดน ได้ผลักดันแผนรับมือวิกฤตด้านสาธารณสุขจากภาวะลองโควิด โดยจะมีทีมเฉพาะกิจรับมือวิกฤตนี้ ได้งบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ เน้นการศึกษาวิจัย การดูแล วางระบบสาธารณสุข และให้บริการพิเศษ

โดยปัจจุบัน ชาวอเมริกันเป็นลองโควิดในวัยผู้ใหญ่เกือบ 7% สร้างความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ 386,000 ล้านดอลลาร์ จากการสูญเสียรายได้เพราะขาดงาน และค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล

ซึ่งทางสหรัฐฯ ได้เจออาการลองโควิดมากกว่า 200 อาการ มีอาการต่อเนื่องไปหลายเดือนแม้จะหายแล้ว เช่น ปวดร่างกาย อ่อนเพลีย สมองล้า หายใจลำบาก เหนื่อยล้า และอื่นๆ 

ซึ่ง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ลองโควิดเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย และยังมีอีกมากที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับภาวะอาการนี้

ขณะที่ สวีเดน เผยผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ 'บริติช เมดิคัล เจอร์นัล' ระบุว่า ผู้ติดเชื้อโควิดมีความเสี่ยงสูง ที่จะเกิดเส้นเลือดอุดตันที่ร้ายแรง หลังจากติดเชื้อนานถึง 6 เดือน แม้ตอนป่วยจะมีอาการเพียงเล็กน้อยก็ตาม

การศึกษาดังกล่าว นักวิจัยได้เปรียบเทียบข้อมูลของชาวสวีเดนมากกว่า 1 ล้านคนที่ติดเชื้อโควิด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 – พฤษภาคม 2021 กับกลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในการควบคุมมากกว่า 4 ล้านคน ที่ไม่เคยมีผลติดเชื้อเป็นบวก พบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดมีความเสี่ยงที่จะเกิดเส้นเลือดแดงอุดตันที่ปอดสูงกว่าผู้อื่น 33 เท่า นานถึง 6 เดือน หลังจากติดเชื้อ

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเส้นเลือดดำอุดตัน ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ขา มากกว่าผู้อื่น 5 เท่านานถึง 3 เดือนหลังจากติดเชื้อโควิด

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรงจากโควิด และมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว มีความเสี่ยงมากกว่า และแม้แต่ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ โอกาสที่จะเกิดเส้นเลือดอุดตันพบในผู้ป่วยระลอกแรกมากกว่าระลอกหลัง ซึ่งวิจัยคิดว่าเป็นเพราะการฉีดวัคซีนและการรักษาที่ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

นักวิจัยกล่าวว่า การค้นพบดังกล่าวมีนัยสำคัญทางนโยบาย และเรียกร้องให้มีการรักษามากกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้พัฒนากลายเป็นลิ่มเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ผลการศึกษายังเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน