หยุดยิงไม่ใช่ยอมแพ้! 'ฮุน มาเนต' แจงเลือกสันติภาพ-ชีวิตประชาชน 'ฮุน เซน' โพสต์นัดถก JBC ที่เสียมราฐ

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชี้แจงกรณีการตัดสินใจทำข้อตกลงหยุดยิงกับประเทศไทย ยันชัดกัมพูชาไม่ได้ยอมแพ้หรือแลกอธิปไตย แต่เลือกยุติความสูญเสียหลังการปะทะทำให้พลเรือนเสียชีวิตแล้ว 32 ราย

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ระบุว่า ในอดีต กัมพูชาเคยทุกข์ทรมานกับสงครามนับร้อยปี ทำให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของสันติภาพอย่างแท้จริง ดังนั้น การสู้รบที่เกิดขึ้น กัมพูชายังคงให้คุณค่าสูงสุดต่อสันติภาพ และสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ

หลังจากใช้ความพยายามในการเจรจาอย่างถึงที่สุด กัมพูชาและไทยตกลงที่จะดำเนินการหยุดยิงทันที ณ ตำแหน่งที่ตั้ง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากัมพูชายอมแพ้ หรือเต็มใจแลกดินแดนเพื่อสันติภาพ และกัมพูชาไม่ได้สูญเสียขีดความสามารถหรือละทิ้งสิทธิในการป้องกันตนเอง

แต่ตรงกันข้าม มันแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ และให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน

แม้จะสามารถต่อสู้ต่อไปได้ แต่ในฐานะประเทศเล็กๆ กัมพูชาไม่ได้อะไรจากการที่สงครามยืดเยื้อ เพราะประชาชนกว่าครึ่งล้านกำลังรอคอยวันกลับบ้าน

นายกฯ ฮุน มาเนตย้ำว่า รัฐบาลตัดสินใจดำเนินการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบ ก่อนที่จะลุกลามบานปลาย ซึ่งปัจจุบัน มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 32 ราย และบาดเจ็บ 93 ราย

อย่างไรก็ดี นายกฯ ฮุน มาเนต ย้ำว่า การหยุดยิง ณ ตำแหน่งที่ไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดน ซึ่งกัมพูชาได้ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมอย่างชัดเจนว่า เส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงถูกกำหนดโดยสนธิสัญญาและอนุสัญญาที่มีอยู่ และกัมพูชายังคงมีสิทธิ์ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับฝ่ายไทยตามกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และกลไกทวิภาคีที่มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงให้คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) กลับมาดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนโดยเร็วที่สุด

การหยุดยิงในครั้งนี้ยังเป็นการเปิดทางให้ผู้ลี้ภัยสามารถเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย โดยนายกฯ ฮุน มาเนต ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดพื้นที่ปลอดภัย และเตรียมการเพื่อให้ผู้ลี้ภัยกลับบ้านได้โดยเร็วที่สุด



นอกจากนี้ ภายใต้เงื่อนไขการหยุดยิง ทหารกัมพูชา 18 นายจะได้รับการปล่อยตัวกลับสู่มาตุภูมิ ภายในเวลา 72 ชั่วโมงหลังหยุดยิง

นายกฯ ฮุน มาเนตยังได้แสดงความขอบคุณมิตรประเทศ โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา จีน และอาเซียน ที่สนับสนุนและมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ตั้งแต่เริ่มต้น

เขายังขอบคุณการเสียสละของทหารและตำรวจทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงคณะสงฆ์และประชาชนทั้งในและต่างประเทศ สำหรับความรักชาติและความสามัคคี

ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ นายกฯ ฮุน มาเนตยังได้วิงวอนขอชาวกัมพูชาเชื่อมั่นในรัฐบาล และสามัคคีกัน เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นพลเมืองที่โดดเด่น และกลายเป็นพลังในการป้องกันประเทศ รวมถึงในการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและกลายเป็นชาติที่มีความภาคภูมิใจและมีเกียรติยศสูงส่งในเวทีสากล

ขณะที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์แถลงการณ์จากสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกิจการชายแดน หรือ SSBA บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งได้มีการขอนัดประชุมกับคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ของฝ่ายไทย เพื่อเร่งดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดน ภายในเดือนหน้าที่เสียมราฐ โดยยืนยันว่ากัมพูชาจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดจากการใช้กำลัง

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ฝ่ายกัมพูชา ได้ส่งบันทึกทางการทูตไปยังคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ของฝ่ายไทย เพื่อเสนอให้มีการจัดประชุมเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม พ.ศ. 2569 ณ เมืองเสียมราฐ เพื่อหารือและดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดน

วาระสำคัญที่กัมพูชาเสนอในครั้งนี้ เน้นไปที่การส่งทีมสำรวจร่วมลงพื้นที่จริงในจุดที่เคยเป็นประเด็นขัดแย้ง เช่น ระหว่างหลักเขตแดน 42 – 47 บริเวณบ้านจกเจยและเปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย และระหว่างหลักเขตแดน 52 – 59 บริเวณตำบลบึงเรียง และตำบลกัมเรียง จังหวัดพระตะบอง - พื้นที่ทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 33 – 37 บริเวณบึงตระกวน, จุดผ่านแดนระหว่างประเทศตำบลทมอดา (ทะ-มอ-ดา), พื้นที่ชายแดนโอพลุกดอมเรย, พื้นที่ชายแดนชอร์ 1 (Chor 1) และพื้นที่อื่นๆ บริเวณลำน้ำและแนวเขตที่เป็นเส้นตรง ตามเจตนารมณ์ของบันทึกความเข้าใจจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ระหว่างกัมพูชาและไทย ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ณ กรุงพนมเปญ

ในโอกาสนี้ SSBA ขอเน้นย้ำว่า คณะกรรมาธิการ JBC (ฝ่ายกัมพูชา) ยึดมั่นในจุดยืนในการปกป้องเส้นเขตแดนระหว่างประเทศกัมพูชา-ไทย ตามที่ได้รับสืบทอดมาจากคณะกรรมการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม โดยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเต็มที่

JBC (ฝ่ายกัมพูชา) จะดำเนินการสำรวจที่ดินและปักปันเขตแดนร่วมกับ JBC (ฝ่ายไทย) โดยเร็วที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน และจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของเส้นเขตแดนที่เกิดจากการใช้กำลัง - SSBA ยังเรียกร้องให้ชาวกัมพูชามอบความไว้วางใจและเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ต่อรัฐบาล และคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นมืออาชีพและความรับผิดชอบสูงสุด โดยยึดถือผลประโยชน์สูงสุดของชาติเป็นสำคัญ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Kg-V2cKHiDw