ต่างประเทศ

'นิวยอร์ก' กำลังทรุดตัว-จมลงต่อเนื่อง เหตุมีตึกสูงที่มากเกินไป

โดย parichat_p

4 มิ.ย. 2566

244 views

งานวิจัยใหม่ล่าสุดพบว่าพื้นดินในมหานครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา กำลังทรุดตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะพื้นดินถูกกดทับจากน้ำหนักของตึกสูงจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง ซึ่งนั่นอาจทำให้นิวยอร์กเสี่ยงที่จะจมอยู่ใต้น้ำเพิ่มมากขึ้น


ผลการศึกษาที่ถูกพิมพ์ลงในวารสารเอิร์ธส์ ฟิวเจอร์ (Earth’s Future) ระบุว่าพื้นดินของนิวยอร์ก มหานครที่ไม่เคยหลับใหล หรือเรียกอีกชื่อว่า The Big Apple กำลังทรุดตัวลงเฉลี่ยปีละ 1-2 มิลลิเมตร แต่บางพื้นที่อาจมีอัตราการทรุดตัวสูงกว่า 2 เท่าจากค่าเฉลี่ยดังกล่าว


ปัจจุบัน นิวยอร์กมีอาคารกระจายอยู่ใน 5 เขตมากกว่า 1 ล้านแห่ง ซึ่งทีมนักวิจัยมีการคำนวณออกมาแล้วอาคารต่าง ๆ ในนิวยอร์กมีน้ำหนักรวมกันประมาณ 1 ล้าน 7 แสนล้านตันเทียบเท่ากับตึกเอ็มไพร์สเตท (Empire State) มากถึง 4,700 แห่ง หรือช้าง 140 ล้านตัวและกองน้ำหนักมหาศาลนี้ได้กดทับลงไปบนพื้นดิน


อย่างไรก็ดีแรงกดทับพื้นดินนั้นแตกต่างกันออกไปตามพื้นที่เนื่องจากพื้นดินในแต่ละเขตของนิวยอร์กมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน เช่น ย่านมิดทาวน์แมนฮัตตัน ซึ่งมีแรงกดทับจากตึกสูงน้อยกว่าเพราะตึกส่วนใหญ่สร้างบนหินแข็ง ต่างจากย่านบรูกลิน, ควีนส์, และใจกลางแมนฮัตตันที่สร้างอยู่บนดินร่วนซึ่งมีความนุ่มมากกว่าทำให้พื้นดินทรุดตัวไวขึ้น


นักวิทยาศาสตร์ระบุว่ากระบวนการดังกล่าวจะค่อย ๆ เกิดขึ้นไปอย่างช้าจนในที่สุดนิวยอร์กก็จะจมอยู่ใต้น้ำ แต่นายทอม พาร์สันส์ (Tom Parsons) นักวิจัยจากกรมสำรวจะรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ หรือ USGS ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


ปัญหาแผ่นดินทรุดตัวจากการกดทับของตึกสูงทำให้มหานครนิวยอร์กมีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นเพราะปัจจุบัน ระดับน้ำทะเลทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นจากการละลายของธารน้ำขั้วโลก นับตั้งแต่ปี 2493 แหล่งน้ำรอบนิวยอร์กมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 22 เซนติเมตรแล้ว


นอกจากนี้ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นบวกกับพายุเฮอริเคนที่ทรงพลังและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยสำคัญทำจะทำให้นิวยอร์กเกิดน้ำท่วมบ่อยขึ้นกว่าปัจจุบันถึง 4 เท่าภายในสิ้นศตวรรษนี้


อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ประชาชนยังไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกมากจนเกินไป เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งมันอาจใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าที่นิวยอร์กจะกลายสภาพเป็นเวนิซแห่งอเมริกา แต่ถึงกระนั้น ผลจากการศึกษานี้ก็เป็นสิ่งที่บ่งชี้แล้วว่าผู้คนต้องเฝ้าระวังและหาทางป้องกัน เพราะการที่แผ่นดินค่อย ๆ ทรุดตัวลง ทำให้ความเสี่ยงที่เมืองจะเจอกับปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวเพิ่มขึ้น


นักวิจัยย้ำว่าไม่ใช่แค่นิวยอร์กเท่านั้นที่เสี่ยงจะจมน้ำ ยังมีอีกหลายเมืองริมชายฝั่งที่กำลังเผชิญความเสี่ยงลักษณะเดียวกันเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น เช่น นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียที่เสี่ยงจะถูกน้ำท่วมจากปัญหาพื้นดินทรุดตัวและแผ่นดินไหว ส่วนในเอเชีย หนึ่งในเมืองที่เสี่ยงจะถูกน้ำท่วมมากที่สุดคือ กรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย จนรัฐบาลวางแผนย้ายเมืองหลวงไปอยู่บนเกาะบอร์เนียว ส่วนกรุงเทพมหานคร ก็อยู่ในรายชื่อของเมืองที่เสี่ยงจะจมน้ำด้วยเช่นกัน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/JIs_LSgIqrc

คุณอาจสนใจ