ต่างประเทศ
เว็บไซต์ข่าวทหารมาเลเซีย รายงานอ้าง รมต.ต่างประเทศสวีเดน ปฏิเสธอนุมัติคำขอซื้อ “กริพเพน” ของไทย
1 ส.ค. 2568
23.1K views
เว็บไซต์ด้านการทหาร ชื่อว่า “ดีเฟนซ์ ซิเคียวริตี้ เอเชีย” (DEFENCE SECURITY ASIA) ของมาเลเซีย รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางการทูตครั้งใหญ่ ด้วยการปฏิเสธที่จะยอมรับคำขอล่าสุดของไทยในการจัดหาเครื่องบินขับไล่กริพเพนรุ่น JAS-39C/D เพิ่มเติม หลังจากที่กองทัพอากาศไทยได้นำเครื่องบินสวีเดนไปใช้งานจริงเป็นครั้งแรก ระหว่างการปะทะกันอย่างตึงเครียดข้ามพรมแดนกับกัมพูชา
ในความเห็นพิเศษที่ส่งถึงเว็บไซต์ด้านกลาโหมที่ชื่อว่า "เบรคกิ้ง ดีเฟนซ์ เวป" (Breaking Defense defence web) นาง มาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน ได้ปฏิเสธการอนุมัติคำขอของไทยอย่างชัดเจน โดยระบุว่า “รัฐบาลกำลังติดตามความคืบหน้าของความขัดแย้งบริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด”
รายงานระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่สตอกโฮล์มได้แยกตัวออกจากพันธมิตรด้านกลาโหมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมายาวนาน เกี่ยวกับการนำเครื่องบินขับไล่รุ่นเรือธงไปใช้งานจริง และ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เปราะบางเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประสงค์จะจัดหาเครื่องบินรบกริพเพนชุดที่สอง เพื่อเสริมกำลังให้กับฝูงบินขับไล่ JAS-39C/D จำนวน 11 ลำ ซึ่งประจำการอยู่ที่กองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี
มีรายงานว่า เครื่องบินกริพเพนของกองทัพอากาศไทยถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการ โดยตรงต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการนำเครื่องบินรบที่สร้างโดยสวีเดนนี้มาใช้ในการต่อสู้ครั้งแรกของโลก
รายงานระบุว่า สถานการณ์เช่นนี้เป็นปัญหาอย่างยิ่งสำหรับกรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งนโยบายการส่งออกอาวุธ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานตรวจสอบผลิตภัณฑ์เชิงยุทธศาสตร์ (ISP) เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ซื้อกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร
โดย ภายใต้กฎหมายของสวีเดน สำนักงานตรวจสอบผลิตภัณฑ์เชิงยุทธศาสตร์ (ISP) ซึ่งดำเนินงานภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องประเมินเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ ประวัติสิทธิมนุษยชน และเจตนารมณ์ในการดำเนินงานของผู้รับการส่งออกทั้งหมด ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถออกใบอนุญาตโอนอาวุธอย่างเป็นทางการได้
แม้ว่าจะยังไม่มีการออกคำสั่งวีโต้อย่างเป็นทางการ แต่การที่ รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน ปฏิเสธที่จะรับรองแผนการจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ของไทย ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าข้อตกลงนี้อาจมีการระงับลง อย่างน้อยก็จนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะคลี่คลายลง และทางสตอกโฮล์มจะประเมินบริบทเชิงยุทธศาสตร์ใหม่
นอกจากนั้น รายงานระบุว่า สถานการณ์ยิ่งเพิ่มความคลุมเครือมากขึ้น โฆษกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นาย พาล จอนสัน กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งหมด โดยเบี่ยงเบนความคิดเห็นโดยตรงจากกระทรวงกลาโหม
คำตอบดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นสัญญาณว่าผู้นำทางการเมืองของสวีเดนกำลังพยายามปกป้องตนเองจากคำวิพากษ์วิจารณ์ หากการส่งออกถูกขัดขวางภายใต้การตรวจสอบจากนานาชาติที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ กองทัพอากาศไทยยืนยันว่าเครื่องบินขับไล่ Gripen ของไทยถูกใช้ในปฏิบัติการเหนือชายแดนกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลไทยอธิบายว่าเป็นการตอบสนองเชิงป้องกันที่จำกัดต่อภัยคุกคามทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้น
รายงานยังอ้าง โฆษกกองทัพอากาศไทย พลอากาศเอก ประภาส สอนไชยดี โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวว่า “การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นเฉพาะกับเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศไทยอย่างร้ายแรง”
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกของบริษัท “ซาบ” (SAAB) สำหรับกริพเพนรุ่น C/D ในเอเชีย โดยได้รับเครื่องบิน 12 ลำภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับแต่นั้นมา กองทัพอากาศไทยถือว่ากริพเพนเป็นแกนหลักของขีดความสามารถการรบทางอากาศที่เน้นเครือข่าย โดยบูรณาการเข้ากับระบบ C2 ในประเทศ และระบบเรดาร์ที่ทันสมัยครอบคลุมพื้นที่อ่าวไทย
ประเทศไทยได้เลือกเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ Saab JAS-39E/F Gripen อย่างเป็นทางการสำหรับฝูงบินรบทางอากาศในอนาคต โดยกองทัพอากาศไทย (RTAF) ยืนยันการสั่งซื้อเบื้องต้นจำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ 12 ลำ ภายในระยะเวลา 10 ปี