จีนสั่งลดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูด หลังถูก 'ทรัมป์' ถล่มด้วยภาษี

สำนักงานจัดการด้านภาพยนต์แห่งชาติจีน (NFA) ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี 10 เมษายน ว่าจะจีน จำกัดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดทันทีเพื่อเป็นการตอบโต้การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐ  อย่างรุนแรง แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าผลกระทบน่าจะน้อยมากก็ตาม

ทั้งนี้ จีนนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดปีละแค่ 10 เรื่องมาเป็นเวลา 3 ทศวรรษแล้ว โดย สำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติของจีนกล่าวว่าการที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าภาพยนตร์จีนจะทำให้ความต้องการภาพยนตร์สหรัฐ  ในจีนลดลงไปอีก หลังจากที่ลดลงมาหลายปีอยู่แล้ว

สำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติของจีนระบุบนเว็บไซต์ว่า "เราจะปฏิบัติตามกฎของตลาด เคารพการเลือกของผู้ชม และลดจำนวนภาพยนตร์อเมริกันที่นำเข้าลง"

ทางด้าน คริส เฟนตัน ผู้เขียนหนังสือ "ฟีดดิ้ง เดอะ ดรากอน"  (Feeding the Dragon) กล่าวว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็น "วิธีที่โดดเด่นมากในการตอบโต้โดยแทบไม่ส่งผลเสียต่อจีนเลย"

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ภาพยนตร์ของสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 5% ของรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั้งหมดในตลาดจีน และเลวร้ายยิ่งกว่านั้นสำหรับฮอลลีวูด จีนได้เรียกเก็บภาษีถึง 50% ก่อนที่รายได้จะกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกา"   ขณะที่สตูดิโอฮอลลีวูดได้รับเพียง 25% ของรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศของจีน ในขณะที่ตลาดอื่นๆ ให้สตูดิโอได้รับมากกว่านั้นสองเท่า เขากล่าว

ทางด้าน เซธ เชเฟอร์ นักวิเคราะห์หลักจาก เอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนท์ คาแกน (S&P Global Market Intelligence Kagan) คาดการณ์ว่าข้อจำกัดดังกล่าวจะส่งผลกระทบในวงจำกัด โดยบอกว่า“ปัจจุบันมีภาพยนตร์ที่เข้าฉายในจีนเพียงประมาณ 25% เท่านั้น และเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากอุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ในประเทศจีน และสำหรับภาพยนตร์ในประเทศที่เข้าฉายในจีน รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกของภาพยนตร์นั้นมักจะมาจากจีนไม่ถึง 10%”