ต่างประเทศ
จีนขึ้นภาษีสหรัฐ 84% ขึ้นบัญชีควบคุม-ไม่น่าเชื่อถือบริษัทสหรัฐฯอีกเพียบ
โดย petchpawee_k
10 เม.ย. 2568
426 views
คณะกรรมการภาษีศุลกากรประกาศเมื่อวันพุธว่า จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดจาก 34 เป็น 84% โดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 12:01 น. ของวันที่ 10 เมษายน เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีจีนก่อนหน้านั้นที่ 104% อย่างไรก็ตามท่าทีของจีนครั้งนี้มีขึ้นก่อนหน้าที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศขึ้นภาษีจีนสูงถึง 125% ไปแล้ว
ในประกาศดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการภาษีศุลกากรได้อ้างถึงการปฏิบัติตามกฎหมายในประเทศ รวมถึงกฎหมายภาษีศุลกากร กฎหมายการค้าต่างประเทศ ตลอดจนหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศในการขึ้นภาษีศุลกากร โดยระบุเพิ่มเติมว่าการตัดสินใจดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงว่า จีนได้ยื่นฟ้องสหรัฐฯ ขึ้นต่อกลไกการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) หลังจากที่สหรัฐได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งล่าสุด
โฆษกของกระทรวงพาณิชย์ประกาศว่ามาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ละเมิดกฎขอองค์การการค้าโลก อย่างร้ายแรง และกล่าวว่าการขึ้นภาษีเป็นความผิดพลาดร้ายแรงเมื่อเทียบกับมาตรการที่มีอยู่เดิม ซึ่งเน้นย้ำถึงธรรมชาติการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวของการกระทำของสหรัฐฯ โดยโฆษกกล่าวว่า "จีนจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนอย่างมั่นคงตามกฎขององค์การการค้าโลก และยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีและระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศอย่างแน่วแน่
ในวันเดียวกันนั้น กระทรวงพาณิชย์ยังได้ออกประกาศอีกครั้งโดยเพิ่มรายชื่อบริษัท และตัวแทนของสหรัฐฯ 12 แห่งในรายชื่อที่ต้องควบคุมการส่งออก ได้แก่ "อเมริกัน โฟโตนิคส์" (American Photonics), โนโวเทค อิงค์ ( Novotech Inc.), อิโคไดน์ (Echodyne), มาร์วิน เอนจิเนียริง (Marvin Engineering Company), เอ็กโซวิรา (Exovera), เทเลไดน์ บราวน์ เอนจิเนียริง (Teledyne Brown Engineering) , บริงค์ โดรน์ (BRINC Drones), ซีนเน็ตซัส อิงค์ (SYNEXXUS Inc.), ไฟร์สตอร์ม แลบ (Firestorm Labs), คาตอส อันแอมน แอร์เรียล ซิสเท็ม (Kratos Unmanned Aerial Systems) , โดโม แทคติคัล คอมมิวนิเคชั่น (Domo Tactical Communications, Insitu).
จีนระบุว่า เพื่อปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ การตัดสินใจห้ามการส่งออกจึงเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายควบคุมการส่งออกของประเทศ และระเบียบข้อบังคับควบคุมการส่งออกสำหรับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง โฆษกกระทรวงกล่าวในแถลงการณ์
หน่วยงานของสหรัฐฯ เหล่านี้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติจีน โดยเน้นย้ำว่าผู้ส่งออกจะต้องไม่ละเมิดกฎดังกล่าว
นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์จีนยังได้ประกาศเมื่อวันพุธว่า จีนได้เพิ่มบริษัทของสหรัฐ 6 แห่งลงในรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือด้วย โดยหน่วยงานทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ชีลด์ เอไอ (Shield AI, Inc.) , เซียร์รา เนวาดา คอร์ป (Sierra Nevada Corporation) , ไซเบอร์ ลักซ์ (Cyberlux Corporation), เอดจ์ ออโตโนมี (Edge Autonomy Operations LLC), กรุ๊ป ดับเบิลยู (Group W) และ ฮัดสัน เทคโนโลยี (Hudson Technologies Co.)
ตามประกาศ บริษัททั้ง 6 แห่งถูกห้ามไม่ให้ดำเนินกิจกรรมนำเข้าหรือส่งออกใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีน และไม่อนุญาตให้ลงทุนใหม่ใดๆ ในจีนด้วย โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 12.01 น. ของวันที่ 10 เมษายน 2025
กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของจีน รวมถึงกฎหมายการค้าต่างประเทศ กฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ และกฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรต่างประเทศ โดยโฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าบริษัทเหล่านี้โดยไม่คำนึงถึงการคัดค้านอย่างหนักจากจีน และได้เข้าร่วมในการขายอาวุธให้ไต้หวันหรือมีส่วนร่วมในสิ่งที่เรียกว่าความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการทหารกับไต้หวันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของชาติจีนอย่างร้ายแรง
โฆษกกล่าวว่าจีนมักจะจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างรอบคอบ และมุ่งเป้าไปที่นิติบุคคลต่างชาติเพียงไม่กี่แห่งที่บ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของจีนเท่านั้น
โฆษกกล่าวว่าสำหรับนิติบุคคลต่างชาติที่ซื่อสัตย์และปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรที่พวกเขาต้องกังวล และรัฐบาลจีนยินดีต้อนรับบริษัทจากทุกประเทศให้เข้ามาลงทุนและดำเนินการในประเทศจีนเสมอมา และมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มั่นคง ยุติธรรม และคาดเดาได้สำหรับบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในจีนตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังได้ออกประกาศเตือนพลเมืองและนักเรียนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทางในสหรัฐ และเข้าเรียนในโรงเรียนต่างๆ ในประเทศ
จีนระบุว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เสื่อมถอยลง รวมถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงภายในประเทศสหรัฐฯ กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจึงขอเตือนนักท่องเที่ยวชาวจีนให้ประเมินความเสี่ยงจากการเดินทางไปยังสหรัฐฯ ให้ครบถ้วน และระมัดระวัง” ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการของจีนออกประกาศเตือนที่คล้ายกันนี้กับนักเรียนที่เรียนในสหรัฐด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2024 นักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 1.6 ล้านคนเดินทางไปเยือนสหรัฐ และมีนักเรียนมากกว่า 250,000 คนเข้าเรียนในโรงเรียนของสหรัฐฯ
แท็กที่เกี่ยวข้อง ภาษีทรัมป์ ,สงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ ,ขึ้นภาษี ,จีน