จีนลั่นจะสู้จนถึงที่สุด หลังสหรัฐฯขึ้นภาษี 20% เผยปีนี้ตั้งเป้าจีดีพีโต 5%

นาย หลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก 10% มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. หนึ่งเดือนหลังมาตรการชุดแรก ซึ่งเป็นการขึ้นภาษีจากเดิมอีก 10% มีผลเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่าหากสหรัฐฯยังคงยืนกราน ที่จะทำสงครามภาษี สงครามการค้า หรือสงครามรูปแบบใดก็ตาม “จีนจะต่อสู้จนถึงที่สุด”


นอกจากนั้น บัญชีของสถานทูตจีนในสหรัฐฯ บน X ได้ระบุว่า หากสหรัฐฯต้องการสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษี สงครามการค้า หรือสงครามประเภทอื่นใดก็ตาม เราก็พร้อมที่จะสู้จนถึงที่สุด


ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงพาณิชย์ประกาศมาตรการเพิ่มภาษีเนื้อไก่ ธัญพืช ข้าวโพด และฝ้าย ของสหรัฐฯ ในอัตราสูงขึ้นอีก 15% ขณะที่ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว สัตว์ทะเล ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์นม ของสหรัฐฯ จะเผชิญกับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของรัฐบาลปักกิ่ง ออกมาให้ความเห็นตรงกันหลายครั้งแล้วว่า “ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ” ในสงครามการค้า สงครามภาษี สงครามเทคโนโลยี หรือสงครามอุตสาหกรรม แม้ทั้งสองประเทศยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างมากในหลายประเด็น แต่ควรใช้สิ่งนี้ขับเคลื่อนให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการเรียนรู้ร่วมกันให้มากยิ่งขึ้น มากกว่าการใช้เป็นข้ออ้าง นำไปสู่การปฏิเสธและการเผชิญหน้า


ขณะเดียวกัน จีนได้ประกาศการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ที่ 5% และให้คำมั่นว่าจะอัดฉีดเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ได้นำเสนอแผนการทางเศรษฐกิจในระหว่างการเปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC)  ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติของจีน สะท้อนถึงแผนของรัฐบาลที่จะพยายามรักษาเสถียรภาพการเติบโตในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความท้าทาย แต่ยังคงชะลอการดำเนินการที่รุนแรงกว่านี้เพื่อกระตุ้นการเติบโต


นาย หลี่ เฉียง กล่าวว่า "สภาพแวดล้อมภายนอกที่ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อจีนมากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในประเทศ รากฐานของการฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของจีนยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ อุปสงค์ที่มีประสิทธิผลยังอ่อนแอ และการบริโภคโดยเฉพาะยังซบเซา"


รายงานดังกล่าวได้ให้รายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับแผนที่ประกาศไปก่อนหน้านี้เพื่อเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในปีนี้ โดยได้ระบุแผนสำหรับ นโยบายการคลังเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มการใช้จ่ายเกินดุลจาก 3% เป็น 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี


รัฐบาลจีนยังจะออกพันธบัตรระยะยาวพิเศษมูลค่า 1.3 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านล้านหยวน เมื่อปีที่แล้ว เพื่อช่วยระดมทุนสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพันธบัตรดังกล่าวมูลค่า 300,000 ล้านหยวน จะใช้สำหรับโครงการที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเสนอส่วนลดให้กับผู้บริโภคที่นำรถยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ามาแลกเป็นเครื่องใหม่ และยังประกาศแผนการสร้างงานมากกว่า 12 ล้านตำแหน่งในเมือง โดยกำหนดเป้าหมายอัตราการว่างงานในเมืองไว้ที่ประมาณ 5.5% ในปี 2025

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/G0PrOoA0mwY