นักเศรษฐศาสตร์ต่างชาติ คาด 'ไทย-อินเดีย' อาจกระทบหนักนโยบายภาษี 'ทรัมป์'

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้าง นักเศรษฐศาสตร์ได้เตือนว่า เอเชียคือพิกัดสงครามการค้าแห่งใหม่ ที่อินเดียและไทย อยู่ในประเทศที่ตกอยู่ในความเสี่ยงจากมาตรการตอบโต้ทางภาษีของทรัมป์ กับประเทศคู่ค้า ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนในการกำหนดมาตรการตอบโต้ทางภาษีของผู้นำสหรัฐฯ ต่อประเทศในเอเชีย แต่นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ไทยและอินเดีย อยู่ในแนวหน้าของสมรภูมินี้ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีระดับการเรียกเก็บภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่าที่อเมริกาบังคับใช้อยู่มาก


บลูมเบิร์ก อ้างข้อมูลจาก โซนาล วาร์มา นักวิเคราะห์จากสถาบันโนมูระ ที่ระบุว่า “เศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียมีอัตราภาษีกับสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่สูง และเสี่ยงต่อมาตรการตอบโต้ด้านศุลกากร” และคาดหวังให้ประเทศในเอเชียยกระดับการเจรจากับทรัมป์


โดยในวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์และพันธมิตรผลักดันมาตรการตอบโต้ทางภาษี ในรูปแบบของกฎหมายชื่อว่า ยูเอส รีซิโปรคัล เทรด แอค (US Reciprocal Trade Act) ที่อาจเปิดโอกาสให้ทรัมป์มีอำนาจที่กว้างขวางขึ้นในการบังคับใช้มาตรการภาษีกับคู่ค้าต่าง ๆ ได้


โดย เชทาน อาห์ยา นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ชี้ว่า ไทยและอินเดียอยู่ในกลุ่มประเทศเอเชียที่จะเผชิญอัตราภาษีเพิ่มขึ้นราว 4-6% และว่า มาตรการภาษีที่เริ่มขึ้นนี้มีความก้าวร้าวกว่าเดิม เมื่อเทียบกับทรัมป์สมัยแรก และว่าความตึงเครียดทางการค้าจะยกระดับขึ้นไปอีก  


ทั้งนี้ อินเดียเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 45,700 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีก่อน และอินเดียคิดภาษีนำเข้ากับสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ในระดับ 39% และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อินเดียได้หารือการสั่งซื้อพลังงานเพิ่มจากสหรัฐฯ ระหว่างการหารือของผู้นำสหรัฐฯและอินเดีย ส่วนไทยกำลังพิจารณาซื้อสินค้าอเมริกาเพิ่มเติม เพิ่มการนำเข้าเอธานอลและสินค้าเกษตรในปีนี้


ในการหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์ประกาศว่าจะขึ้นภาษีในอัตราที่เท่ากัน โดยระบุว่า “หากพวกเขาเก็บภาษีเรา เราจะเก็บภาษีพวกเขา ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ภาษีต่อภาษี ในอัตราที่เท่ากัน”


ทั้งนี้ คำขู่รอบใหม่จะสร้างแรงกดดันไปทั่วเอเชียให้เข้าหาทรัมป์ และทำให้ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกมีความเสี่ยงต่อการยกระดับความตึงเครียดทางการค้ากับอเมริกา

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/SmlazULGHkI