แฟนๆ มิสยูนิเวิร์ส ชี้ 'ทรัมป์ เอฟเฟกต์' ทำให้สาวสวยแท้ๆ คว้ามงกุฎปีนี้ ยุติกระแสโวก

เดลี เมลล์ สื่อในอังกฤษ รายงานว่า แฟน ๆ มิสยูนิเวิร์สต่างยกย่องสิ่งที่เรียกว่า 'ทรัมป์ เอฟเฟกต์' หลังจาก 'วิคทอเรีย เจอร์  ธีลวิก' สาวงาม วัย 21 ปี จากเดนมาร์ก ได้รับการสวมมงกุฎ เป็นผู้ชนะการประกวดครั้งที่ 73 ที่เม็กซิโกซิตี้ โดยเธอเอาชนะผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ กว่า 120 คน เพื่อคว้าตำแหน่งนี้ไปครอง หลังจากการประกวดในปี 2023 มีผู้เข้าแข่งขันที่มีความหลากหลายทั้ง สตรีแต่งงานแล้ว สาวพลัสไซส์ และสาวข้ามเพศ

รายงานบอกว่า แฟน ๆ ดูเหมือนจะตื่นเต้นที่ 'ธีลวิก' ซึ่งเป็นนักธุรกิจ และนักเต้นมืออาชีพ คว้าชัยชนะในการประกวดครั้งนี้ โดยหลายคนยกย่องชัยชนะของเธอว่าเป็นการสิ้นสุดของ 'กระแสโวก' (Woke) อีกด้วย และมองว่าเป็นผลจาก 'ทรัมป์ เอฟเฟกต์' ที่ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลทรัมป์สามารถเปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคมได้อย่างไร

ทั้งนี้ กระแสโวก (Woke) คือ การตื่นตัวต่อเรื่องอคติทางเชื้อชาติ และการเลือกปฏิบัติ ซึ่งใช้ในกลุ่มคนแอฟริกัน-อเมริกัน  และก็กินความมากขึ้นไปถึงการตระหนักรู้เรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม เช่น เรื่องเพศ ชนกลุ่มน้อยในสังคม ความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ จนเป็นส่วนหนึ่งในสังคม กลายเป็น 'วัฒนธรรมการตื่นรู้' หรือ 'โวก คัลเจอร์' (Woke Culture)

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนไม่น้อย ได้เชื่อมโยงชัยชนะของสาวเดนมาร์ก กับการเคลื่อนไหวของการหาเสียงของ ทรัมป์ และได้ขอบคุณ ทรัมป์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าขององค์กร มิส ยูนิเวิร์ส  สำหรับการนำความมีสติกลับคืนมาให้กับอุตสาหกรรมประกวดนางงาม โดยคนหนึ่งให้ความเห็นว่า "ทรัมป์ ชนะ และในที่สุดผู้หญิงก็ได้ครองตำแหน่งมิส ยูนิเวิร์ส โลกกำลังฟื้นตัว"  ในขณะที่อีกคนหนึ่งเสริมว่า "มันคือเอฟเฟกต์ของ ทรัมป์ ที่เกิดขึ้นจริง"

อีกคนกล่าวว่า "กระแสโวกสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว นี่คือนางงามจักรวาลคนใหม่"  และได้กล่าวชื่นชมพร้อมแชร์ภาพอันงดงามของธีลวิก   

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น การประกวดนางงามจักรวาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก หลังเปิดโอกาสให้สาวประเภทสองคนแรก คือ 'มาริน่า มาเชเต้' จากโปรตุเกส  เข้ารอบ 20 คนเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว และไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น 'ริกกี้ วาเลรี โคลเล่' วัย 22 ปี กลายเป็นคนข้ามเพศคนแรก ที่ได้รับการสวมมงกุฎมิสเนเธอร์แลนด์สำเร็จ