ชาวมะกันเข้าคูหาเลือก ปธน.คนใหม่ - มี 81 ล้านคน เลือกตั้งล่วงหน้า-ทางไปรษณีย์

ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเดินเข้าคูหาในวันอังคารที่ 5 พ.ย. 2567 เพื่อกาบัตรลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ระหว่างผู้สมัครสองคน คือ 'กมลา แฮร์ริส' จาก 'พรรคเดโมแครต' และ 'โดนัลด์ ทรัมป์' จาก 'พรรครีพับลิกัน'

โดยก่อนหน้านี้ ชาวอเมริกันมากกว่า 81 ล้านคน เข้าคูหาเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งทางไปรษณีย์ไปแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อ 4 ปีก่อน ที่มีจำนวนทั้งหมด 158 ล้านคน

ผลการสำรวจความเห็นประชาชนก่อนวันเลือกตั้งชี้ว่า จะเป็นการแข่งขันที่สูสี โดยเฉพาะในกลุ่มรัฐสมรภูมิ (รัฐสวิงเสตท) 7 รัฐ ที่จะชี้ขาดผู้ชนะ ได้แก่ รัฐนอร์ธแคโรไลนา รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐมิชิแกน รัฐวิสคอนซิน รัฐเนวาดา รัฐแอริโซนา และรัฐจอร์เจีย

โพลของเอบีซีนิวส์ ชี้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนำใน 5 จาก 7 รัฐสมรภูมิ ในขณะที่โพลของวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า แฮร์ริสนำใน 4 จาก 7 รัฐสมรภูมิ ส่วนโพลของนิวยอร์กไทมส์บอกว่า ทรัมป์นำ 4 รัฐ แฮร์ริสนำ 2 รัฐ และเสมอกันที่รัฐเพนซิลเวเนีย

ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มิได้ตัดสินด้วยผลการลงคะแนนรายบุคคลทั่วประเทศ (ป๊อบปูลาร์  โหวต) (national popular vote) เหมือนกับประเทศอื่น แต่จะแพ้ชนะด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของทั้ง 50 รัฐ ซึ่งแต่ละรัฐมีจำนวนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในรัฐนั้น ๆ

โดยในจำนวนทั้ง 50 รัฐ มี 48 รัฐ ที่ผู้ชนะเลือกตั้งในรัฐนั้น จะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด มีเพียง 2 รัฐ คือ รัฐเนบราสกา และ รัฐเมน ที่จะจัดสรรจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปตามคะแนนเสียงของแต่ละเขตเลือกตั้งภายในรัฐดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คนจาก 538 คน จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา

ล่าสุด บรรยากาศการเลือกตั้งที่ เขต ดิกซ์วิลล์ นอต์ช ทางเหนือสุดของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ติดชายแดนสหรัฐฯ-แคนาดา ซึ่งเปิดคูหาให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงหลังเที่ยงคืน ตามเวลาเขตเวลาตะวันออก (อีที) ของสหรัฐฯ ตามธรรมเนียมที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี 2503 โดยกฎหมายเลือกตั้งของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ อนุญาตให้เขตที่มีประชากรไม่ถึง 100 คน สามารถเปิดคูหาเลือกตั้งได้ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน และปิดคูหาเลือกตั้งได้ทันที เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อย

ผลการนับคะแนนที่เขตนี้ ปรากฏว่า กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ผู้แทนพรรคเดโมเครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ผู้แทนจากพรรครีพับลิกัน ได้รับคะแนนเสียงเท่ากันคนละ 3 คะแนน

ทั้งนี้ แม้จะเป็นเขตเล็ก ๆ แต่ผลการเลือกตั้งของเขตดิกซ์วิลล์ นอต์ช ก็เคยทำนายความน่าจะเป็นของผู้นำคนใหม่ซึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2563 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตดิกซ์วิลล์ นอต์ช เทคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ให้กับ โจ ไบเดน และกลายเป็นผู้สมัครคนที่ 2 ที่กวาดคะแนนเสียงทั้งหมดจากเขตเลือกตั้งที่ดิกซ์วิลล์ นอต์ช

ขณะที่ผลเลือกตั้งทั้งประเทศนั้น แต่ละรัฐ มีเวลาเปิด-ปิดคูหา ที่ต่างกันจากเขตเวลา (ไทม์โซน) สำหรับรัฐที่น่าจับตาอย่าง รัฐสวิงสเตท ที่เป็นสมรภูมิชี้ชะตาผลการเลือกตั้งทั้ง 7 รัฐ

• รัฐแอริโซนา มี 11 ที่นั่ง จะปิดคูหาในเวลา 19.00 น. ของวันที่ 5 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น
• รัฐจอร์เจีย มี 16 ที่นั่ง ปิดคูหาเวลา 19.00 น. เช่นกัน แต่จะยังไม่นับรวมการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ และทำให้ผลการเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจียจะยังไม่ประกาศในค่ำวันเดียวกัน
• รัฐมิชิแกน มี 15 ที่นั่ง คูหาจะปิดเวลา 21.00 น. และจะมีการนับการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และคาดว่าจะรู้ผลใน 1-2 วัน หลังจบการเลือกตั้ง
• รัฐมินนิโซตา มี 10 ที่นั่ง ปิดคูหาเวลา 21.00 น. และคาดว่า จะรู้ผลไม่นานหลังจากนั้น
• รัฐนอร์ทแคโรไลนา มี 16 ที่นั่ง ปิดคูหาเวลา 19.30 น. และคาดว่าจะรู้ผลในเวลา 20.30 น.
• รัฐเพนซิลเวเนีย มี 19 ที่ ปิดคูหาเวลา 20.00 น. โดยจะนับคะแนนจากการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์หลังปิดคูหาเท่านั้น และคาดว่าจะรู้ผลภายใน 1-2 วัน
• รัฐวิสคอนซิน มี 10 ที่นั่ง ปิดคูหาเวลา 21.00 น. และจากการอ้างอิงการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 ผลการนับคะแนนของรัฐนี้ จะใช้เวลาหลายวันก่อนประกาศผล