ยูเอ็นกังวลเครื่องมือสื่อสารถูกใช้เป็นอาวุธ หลังเพจเจอร์ - วอลกี้ทอล์คกี้ ระเบิดทั่วเลบานอน-ซีเรีย

สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์ว่า  เลขาธิการสหประชาชาติรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่ง กับรายงานที่ระบุว่า อุปกรณ์สื่อสารจำนวนมากระเบิดทั่วเลบานอน และซีเรีย เมื่อวันที่ 17 -18 กันยายน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย รวมทั้งเด็ก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายพันคน

ดูจาร์ริก กล่าวว่า เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้ความอดกลั้นสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายกลับมามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1701 (2006) อย่างเต็มที่ และกลับมายุติการสู้รบทันที เพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพ

ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นในเวลาต่อมาของวันพุธ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในมหานครนิวยอร์ก กูเตอร์เรส ประณามการโจมตีดังกล่าว และเตือนว่าสถานการณ์ในเลบานอน อาจทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรุนแรง

ขากล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่าตรรกะของการทำให้อุปกรณ์ทั้งหมดเหล่านี้ระเบิด ก็คือการโจมตีก่อนปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ ดังนั้น แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะมีความสำคัญในตัวมันเอง แต่เหตุการณ์นี้ก็บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงอย่างร้ายแรงที่จะเกิดการทวีความรุนแรงในเลบานอน และจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้”  

เจ้าหน้าที่เลบานอน รายงานว่า การระเบิดที่กำหนดเป้าหมายที่เพจเจอร์ และวิทยุพกพา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 3,200 ราย ทั่วเลบานอน ในวันอังคาร และวันพุธ

ในซีเรียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเลบานอน นักรบเฮซบอลเลาะห์ 14 คน ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดของอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขา ในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียด้วย

ขณะเดียวกัน ซัยยิด ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ได้ประณามการโจมตีของอิสราเอล ที่ทำให้วิทยุสื่อสารและเพจเจอร์ในเลบานอนเสียหายอย่างรุนแรง โดยระบุว่าอาจเป็น 'การประกาศสงคราม' ระหว่างอิสราเอล-เลบานอน

นาสรัลเลาะห์ กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยกล่าวหาว่าอิสราเอลพยายามสังหารผู้คนหลายพันคน ขณะเดียวกัน เขายังลดความสำคัญของผลกระทบที่มีต่อกลุ่มgฮซบอลเลาะห์ลง โดยกล่าวว่า โครงสร้างของกลุ่มไม่ได้สั่นคลอน

การโจมตีอุปกรณ์สื่อสารของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ทำให้เกิดความกลัวไปทั่วทั้งเลบานอน จนหลายคนละทิ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนไป เพราะกังวลว่าอุปกรณ์ดังกล่าวอาจมีระเบิดซ่อนอยู่