ยุโรปกลาง-ตะวันออก เจอฝนหนักสุดรอบทศวรรษ น้ำท่วมคร่าแล้ว 7 ชีวิต

หลายพื้นที่ในยุโรปกลางกับตะวันออกกำลังเผชิญฝนตกหนักที่สุดในรัฐหลายสิบปี ทำให้เกิดน้ำท่วมและความปั่นป่วนเป็นวงกว้าง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ

ทั้งนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนที่ช้า ที่เรียกว่า “พายุบอริส” ทำให้เกิดฝนตกหนักปริมาณน้ำฝนเทียบเท่า 1 เดือน ในเมืองหลวงของประเทศต่างๆ ในยุโรป ทั้งกรุงเวียนนาม ของออสเตรีย, กรุงบราติสลาวา ของสโลวาเกีย และกรุงปราก ของสาธารณรัฐเช็ก รวมไปถึงอีกหลายเมืองในเยอรมนี ซึ่งเกิดน้ำท่วมที่มิวนิคด้วย         

ที่โปแลนด์ พบผู้เคราะห์ร้าย จมน้ำเสียชีวิต 1 ศพ ขณะที่ในออสเตรีย มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ 1 นาย ส่วนที่โรมาเนีย พบผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมเป็นรายที่ 5 ของประเทศ ขณะที่แม่น้ำหลายสายในโปแลนด์กับสาธารณรัฐเช็กเอ่อล้นตลิ่ง โดยที่โปแลนด์ ทางการต้องอพยพประชาชนกว่า 1,600 คน ในเขตควอดซ์โก หลังจากน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่บางส่วน

ที่เช็ก ทางการต้องอพยพผู้ตามสถานที่ต่างๆ ไปแล้วมากกว่า 10,500 คน โดยประธานาธิบดี ปีเตอร์ ปาเวล เตือนในวันอาทิตย์ว่า สถานการณ์น้ำท่วมยังห่างไกลจากคำว่าจบลง และภูมิภาคที่ยากจนที่สุดในประเทศน่าจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า

ที่เมืองครนอฟ  ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเช็ก ถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 80% โดยนายมิโรสลาฟ บีนาร์ รองนายกเทศมนตรีเมืองครนอฟกล่าวว่า น้ำใกล้ไปถึงศาลาว่าการเมืองแล้ว ขณะที่จัตุรัสประจำเมืองก็ถูกน้ำท่วมไป 2 ใน 3 ส่วน

ขณะที่เยอรมนี รัฐในภาคใต้กับภาคตะวันออกกำลังเร่งเตรียมตัวรับมือน้ำท่วม ส่วนประเทศข้างเคียงอย่างออสเตรีย ฝนตกหนักจนแม่น้ำหลายสนล้นตลิ่ง เจ้าหน้าที่ถูกภัยต้องถูกส่งไปกู้สถานการณ์ในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะที่หลายเขตในรัฐโลเวอร์ออสเตรีย ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่โรมาเนีย เจ้าหน้าที่กู้ภัย กำลังพยายามอย่างหนัก เพื่อช่วยเหลือประชาชนหลายร้อยคนที่ติดค้างตามสถานที่ต่างๆ เพราะฝนตกหนักจนน้ำท่วม โดยจนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ช่วยผู้ที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนได้แล้ว 95 คน แต่เจ้าหน้าที่ก็พบศพผู้เสียชีวิตดังกล่าวภายในบ้าน หรือสวนหลังบ้านของพวกเขาด้วย

ทางการโรมาเนียระบุว่า ได้บันทึกสถิติฝนตกหนักที่สุดในรอบ 100 ปี ได้ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จุดที่เสียหายที่สุดคือเขต กาลาที (Galati) ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีบ้านเรือนเสียหายเกือบ 5,400 หลัง