'รัสเซีย' อพยพคน 1.8 แสน หลัง 'กองทัพยูเครน' บุกข้ามพรมแดน ยึดแล้ว 28 หมู่บ้าน

หลังจากที่ ทหารยูเครนบุกโจมตีข้ามพรมแดนครบ 1 สัปดาห์ จนสามารถยึดหมู่บ้านรัสเซียได้ 28 แห่งแล้ว ทำให้รัสเซียต้องอพยพประชาชนบริเวณชายแดนกว่า 1.8 แสนคน ขณะที่ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศในวันจันทร์ที่ 12 ส.ค. 2567 ว่า พวกเขาจะขับไล่ศัตรูออกจากดินแดนของรัสเซียให้ได้ หลังจากทหารยูเครนซึ่งข้ามพรมแดนมาโจมตีภายในดินแดนรัสเซีย ยึดการควบคุมหมู่บ้านไปแล้วหลายสิบแห่ง

โดยมีภาพปรากฏขณะที่ทหารยูเครนได้นำธงชาติรัสเซียออกจากอาคารหลังหนึ่งในเมืองเคิร์สก์ เป็นสัญลักษณ์ว่า ทหารยูเครนได้เข้ายึดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรายงานข่าวระบุว่า ทหารยูเครนได้ยึดพื้นที่ได้ราว 1,000 ตารางกิโลเมตร

อเล็กเซย์ สเมียร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการแคว้นเคิร์สก์ ทางตะวันตกสุดของรัสเซีย ซึ่งกำลังถูกทหารยูเครนโจมตีอย่างหนัก บอกกับ ปูติน ว่า ตอนนี้ หมู่บ้าน 28 แห่งในแคว้นของเขา อยู่ในการควบคุมของยูเครนไปแล้ว และเสริมว่า ทหารยูเครนสามารถรุกคืบเข้ามาในดินแดนได้ราว 12 กม. ตลอดแนวชายแดนเป็นระยะทาง 40 กม. และประชาชนกว่า 180,000 คน ได้รับการแจ้งเตือนให้อพยพ โดย 121,000 คนในจำนวนนี้ ได้อพยพไปแล้ว

ทางด้าน วียาเชสลาฟ กลาดคอฟ ผู้ว่าการแคว้นเบลโกรอด ซึ่งอยู่ติดกัน เปิดเผยผ่ายแถลงการณ์ซึ่งโพสต์บนเทเลแกรมว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตคราสโนยารุสกี กำลังถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า หลังจากศัตรูมีความเคลื่อนไหวบริเวณชายแดน

ทั้งนี้ การบุกโจมตีข้ามพรมแดนของยูเครนกำลังถูกมองว่า อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในสงครามกับรัสเซีย ซึ่งดำเนินมานานกว่า 2 ปีครึ่ง แล้ว โดยที่ผ่านมา กองทัพยูเครนคอยยิงมิสไซล์ และขีปนาวุธ เข้าสู่แคว้นเบลโกรอดเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว แต่ไม่เคยส่งทหารข้ามพรมแดนไปโจมตีมาก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา

-------------