สหประชาชติ เตือนอาจยุติความช่วยเหลือมนุษยธรรมในกาซา หลังอิสราเอลเสียงแข็งไม่ให้ส่งน้ำมันเข้าไปในกาซา

สำนักงานสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ (UNRWA) กล่าวเตือนว่าการปฏิบัติการต่างๆ ของทางสำนักงานกำลังถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้แล้ว ซึ่งช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เตือนว่า กำลังจะต้องยุติปฏิบัติการต่างๆ    เนื่องจากไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว

“ยูเอ็นอาร์ดับบลิวเอ” ระบุว่า  ถ้าไม่ได้รับเชื้อเพลิงอย่างเร่งด่วน ทางสำนักงานก็จะถูกบังคับให้ต้องยุติการปฏิบัติการต่างๆ ของเราในฉนวนกาซา ซึ่งหน่วยงานแห่งนี้กำลัง จัดหาความช่วยเหลือให้แก่ผู้พลัดถิ่นราว 600,000 คนในกาซา ซึ่งครอบครัวผู้คนเหล่านี้จำนวนมากต้องนอนกันบนพื้นที่โล่งแจ้ง

ทั้งนี้ อิสราเอลปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ยอมให้จัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในกาซา โดยอ้างว่ากลุ่มฮามาสจะยึดเอาไปใช้กับอาวุธและวัตถุระบิด พร้อมกับกล่าวหาว่ากลุ่มนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้มีน้ำมันเก็บสำรองเอาไว้ในเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ กลุ่มความช่วยเหลือต่างๆ จากนานาชาติได้เตือนมาหลายวันแล้วว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นอีกจะต้องเสียชีวิต ถ้าพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์, โรงกรองน้ำ, และรถพยาบาลต่างๆ ในกาซา ต้องหยุดวิ่งหยุดเดินเครื่อง เมื่อโรงพยาบาลทั้งหลายไม่มีน้ำมันเพื่อใช้กับเครื่องปั่นไฟอีกแล้ว หลังจากที่โรงไฟฟ้าแห่งเดียวของกาซาได้หยุดจ่ายไฟไปก่อนแล้วหลายสัปดาห์

คนป่วยจำนวนมากกำลังได้รับการบำบัดรักษากันบนพื้นโรงพยาบาลที่กลาดเกลื่อนไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นพันๆ คน องค์การกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงเตือนว่า ในทันทีที่เครื่องปั่นไฟหยุดเดินเครื่อง โรงพยาบาลก็จะ “กลายเป็นสภาพเป็นห้องเก็บศพ” ในทันที

รายงานข่าวระบุว่า ที่ โรงพยาบาลนัสเซอร์ ในเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา ถึงกับต้องทำการผ่าตัดผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งโดยไม่ใช้ยาสสบ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยมาก  เพราะทางโรงพยาบาลขาดเวชภัณฑ์อย่างหนัก

ขณะที่ภาพจากโรงพยาบาล เบต ลาฮิยา ที่มีการขนส่งผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ามาท่ามกลางความมืดมิด เจ้าหน้าที่พยาบาลต้องรับผู้บาดเจ็บท่ามกลางความมืด โดยใช้แสงสว่างจากโทรศัทพ์มือถือกันเท่านั้น

ทั้งนี้ ประชาชน 2.3 ล้านคนในกาซา ซึ่งยูเอ็นระบุว่าราวครึ่งหนึ่งกลายสภาพเป็นผู้พลัดถิ่นที่อยู่ เวลานี้ขาดแคลนน้ำ อาหาร และยา นับจากที่อิสราเอลระดมโจมตีและปิดล้อมดินแดนแห่งนี้เบ็ดเสร็จเพื่อตอบโต้ที่ฮามาสบุกข้ามพรมแดนเข้าไปโจมตีและสังหารประชาชนอิสราเอล 1,400 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา

ขณะที่ชาวบ้านในเมืองกาซาซิจี้ ต้องสมาต่อแถวรอรับน้ำ อาหาร และเชื้อเพลิงที่กำลังใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว