รัสเซียเดินหน้าถล่มมาริอูโปลอย่างหนัก จนสภาพเป็น 'นรก' – นาโต้ ขนพล 3 หมื่น ร่วมซ้อมรบในนอร์เวย์

กองทัพรัสเซียยังเปิดฉากถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่องในหลายเมือง โดยเฉพาะเมืองมาริอูโปล ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ปรากฏว่าเมืองแห่งนี้ ถูกถล่มต่อเนื่องมามากกว่า 10 วันแล้ว ทำให้ประชาชนขาดอาหารและน้ำอย่างหนัก

ล่าสุด ได้มีการเปิดเผยภาพจากโดรน แสดงให้เห็นกองทัพรัสเซียยังคงถล่มด้วยขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สภาพเมืองถูกทำลายย่อยยับ อาคารบ้านเรือน อพาร์ทเมนต์ กลายเป็นเถ้าถ่าน มีควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมือง

การสู้รบในเมืองนี้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ซึ่งแม้ว่าฝ่ายรัสเซียจะสามารถล้อมเมืองเอาไว้ได้ แต่ฝ่ายยูเครนก็พยายามต่อสู้ไม่ถอยเช่นกัน โดยปรากฏภาพรถยานเกราะของรัสเซียถูกฝ่ายยูเครนยิงทำลายด้วย

โดยภาพนี้ถ่ายจากรถของฝ่ายยูเครน จะเห็นว่ามีการยิงออกไปที่รถยานเกราะของรัสเซียหลายนัดก่อนที่จะรถคันดังกล่าวจะถูกไฟลุกท่วมขึ้น

ขณะเดียวกัน ที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศ กองกำลังรัสเซียโจมตีทางอากาศถล่มอาคารพี่พักอาศัย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บ 3 คน โดยจากภาพ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งลำเลียงผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารอย่างเร่งด่วน ในขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้     

โดยภาพนี้จะเห็นช่วงจังหวะที่จรวดพุ่งตรงเข้าใส่อาคารอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว เกิดระเบิดอย่างรุนแรง  

ส่วนที่สนามบินอันโตนอฟ ในเมืองโฮสโตเมล ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ ยังถูกถล่มต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เครื่องบินอันโตนอฟ เอเอ็น 225 เครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลกที่จอดอยู่ในโกดังของสนามบินแห่งนี้ ถูกกองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธใส่จนพังยับ เพียง 1 วันหลังเปิดฉากปฏิบัติการทางทหาร

ส่วนที่เมืองคาร์คีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ก็ถูกถล่มอย่างหนักเช่นกัน โดยการโจมตีของกองกำลังรัสเซีย ทำให้อาคารอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง เกิดไฟลุกไหม้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ศพ

ขณะเดียวกัน ทางด้านองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือ (นาโต้) ได้เริ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมในนอร์เวย์ ซึ่งมีชายแดนติดกับรัสเซียทางด้านตอนเหนือของยุโรปแล้ว โดยในครั้งนี้ สมาชิกนาโต้ ได้ร่วมส่งกองกำลังเข้าซ้อมรบมากถึง 3 หมื่นนาย รถถัง และยานเกราะ เรือรบ รถพิฆาต รวมไปถึง เครื่องบินรบ 200 ลำ

ปฏิบัติการซ้อมรบดังกล่าวมีชื่อว่า 'โคลด์ เรสพอนส์' Cold Response  เป็นการซ้อมรบประจำปี ทั้งนี้ เชื่อว่า การซ้อมรบครั้งนี้น่าจะเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปยังรัสเซียเช่นกัน เนื่องจากนอร์เวย์มีชายแดนติดรัสเซียประมาณ 200 กิโลเมตร