สิงคโปร์เร่งสืบสวน หลังเกิดเหตุ นทท.จีนถูกไล่ลงรถทัวร์ เพราะปฏิเสธซื้อของที่ระลึกจากคนขับ

ทางการสิงคโปร์เร่งสืบสวน เหตุ นทท.จีนถูกคนขับรถทัวร์ไล่ลงจากรถ ปล่อยทิ้งไว้ข้างทาง เพราะปฏิเสธซื้อของที่ระลึกจากคนขับ

ในโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ของนักท่องเที่ยวจากจีนในสิงคโปร์ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวและคนขับรถทัวร์ทะเลาะวิวาทกัน เพราะนักท่องเที่ยวปฏิเสธซื้อของที่ระลึกจากคนขับ จากนั้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็โดนไล่ลงจากรถลงจากทัวร์ ถูกทิ้งไว้ข้างทางพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ

คำบรรยายในวิดีโอระบุว่าคนขับรถทัวร์เหยียดหยามนักท่องเที่ยวและปฏิเสธที่จะขอโทษ เขาทิ้งกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งหมดลงจากรถ แล้วก็ขับออกไปโดยทิ้งนักท่องเที่ยวไว้

ด้านหนังสือพิมพ์ของสิงคโปร์ Shin Min Daily News รายงานว่า ความขัดแย้งระหว่างคนขับและนักท่องเที่ยวถูกถ่ายไว้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม และโพสต์โดยหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม

นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวเล่าว่าคนขับที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งทำงานให้กับบริษัทท่องเที่ยวในท้องถิ่น บังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อของฝาก เช่น พวงกุญแจและน้ำหอม เขาโกรธเพราะคิดว่านักท่องเที่ยวซื้อของฝากไม่เพียงพอ จากนั้นคนขับก็ปฏิเสธคำขอของนักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่จะไปเอายาลดความดันโลหิตจากรถบัสหลังอาหารกลางวัน โดยกล่าวว่า “ไม่มีอะไรให้กับชาวจีนที่ไม่ใช้เงิน”

กลุ่มนักท่องเที่ยวเรียกร้องให้คนขับขอโทษ แต่คนขับปฏิเสธและสั่งให้ลงจากรถบัส ปล่อยให้นักท่องเที่ยวติดอยู่บนทางเท้าริมถนนเรซคอร์สที่พลุกพล่านของเมือง

คนขับด่าทอพวกเขาด้วยวาจา เมื่อพวกเขาต้องการโทรหาตำรวจ ก็ถูกไกด์นำเที่ยวข่มขู่ และหนึ่งในนั้นถูกเอาประตูหนีบ โทษฐานที่ไม่ยอมซื้อของที่ระลึก

มีรายงานว่าหลังเกิดเหตุกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสถานทูตจีนในสิงคโปร์ กับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและหยาบคายของมัคคุเทศก์และคนขับรถบัสที่พยายามบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อของ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศจีน

เมื่อเดือนที่แล้ว มัคคุเทศก์ในภาคเหนือของจีนถูกปรับเงิน 30,000 หยวน หลังจากตะโกนใส่กรุ๊ปทัวร์ว่า “ใช้เงินแล้วคุณคือพระเจ้า ไม่ใช้เงินแล้วคุณคือ... (คำหยาบ)”

นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม มัคคุเทศก์ในตะวันตกเฉียงใต้ของจีนได้ขอให้นักท่องเที่ยวลงจากรถบัสหากพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้เงินใดๆ ต่อมาเธอถูกห้ามและถูกเพิกถอนใบอนุญาต

อย่างไรก็ตามตั้งแต่นั้นคณะกรรมการด้านการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ได้เปิดการสืบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว