ต่างประเทศ

เวียดนามรุกท่องเที่ยวเต็มตัว เปิดเส้นทางรถไฟสุดหรูหรา ชมวิวชายฝั่งทะเล พร้อมจิบชายามบ่าย

โดย nattachat_c

16 พ.ค. 2567

168 views

ถ้าพูดถึงประเทศท่องเที่ยว หลายประเทศมักจะมีเส้นทางรถไฟสุดหรู ที่ผู้ใช้บริการสามารถชมวิวทิวทัศน์อันงดงาม พร้อมกับได้รับบริการราวกับราชา

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวทางอื่นก็ไม่เหมือนกับรถไฟ เพราะการนั่งรถไฟได้มองดาวบนท้องฟ้า พร้อมมองเห็นเส้นขอบฟ้าของเมืองที่อยู่นอกหน้าต่าง แล้วต่อมา ก็จางหายไปสู่ทิวทัศน์ธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ในขณะที่คุณเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟระบุว่า นักเดินทางที่ชอบความหรูหรา มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก ไปสู่กิจกรรมการท่องเที่ยวที่ช้าลง และยั่งยืนมากขึ้น

อนันตรา หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบริการ เป็นอีกบริษัทที่ตอบสนองความต้องการนี้ โดยแบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์จะนำเสนอประสบการณ์รถไฟหรูใหม่ความยาว 5 ชั่วโมง ในเวียดนามตอนใต้ ซึ่งเชื่อมต่อจุดหมายปลายทางตากอากาศยอดนิยมอย่าง ญาจางและกวีเญิน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟสุดหรูที่สองในประเทศ

ทั้งนี้ ตู้รถไฟสุดหรู ‘The Vietage by Anantara’ ขบวนแรก เปิดตัวในปี 2563 ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง เชื่อมต่อดานังและกวีเญิน

เคท โจนส์ (Kate Jones) หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดของอนันตรา ประจำเวียดนาม บอกกับ CNN ว่า รถไฟรุ่นใหม่ไปในทิศทางตรงกันข้าม และมีเป้าหมายเพื่อให้นักเดินทางได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่สวยงามของเวียดนามมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับตู้โดยสารรุ่นแรกของ Vietage รถไฟขบวนดังกล่าวจะเชื่อมต่อกับทางรถไฟเชิงพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยรัฐของเวียดนาม ซึ่งวิ่งขึ้นและลงทั่วประเทศ

ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ เส้นทางใหม่ที่เชื่อมต่อญาจางและกวีเญิน จะตัดผ่านพื้นที่ชายฝั่งทะเลมากกว่าการเดินทางระหว่างดานังและกวีเญิน

โจนส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีอ่าวที่ค่อนข้างน่าทึ่งหลายแห่ง และมีแนวชายฝั่งที่โดดเด่นหันหน้าไปทางทะเลตะวันออก มีพื้นที่ภูเขาบางแห่ง และยังมีนาข้าว-สระบัวอยู่มากมาย แต่ทิวทัศน์ชายฝั่งทะเลถือเป็นทิวทัศน์ที่สวยที่สุดสำหรับการเดินทาง 5 ชั่วโมงนี้

และเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และการบริการ นี่จึงเป็นการเดินทางที่ช้าที่สุด รถไฟจะวิ่งที่ความเร็วเฉลี่ยเพียง 51.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การเดินทางแสนช้านี้ จะช่วยให้แขกบนเส้นทางกวีเญิน-ญาจาง มีเวลาเหลือเฟือในการเพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่ายฟรี  ซึ่งรวมถึงคาเวียร์ท้องถิ่น ชีสโฮมเมดของเวียดนาม เนื้อเย็นที่คัดสรรมาอย่างดี และชาเวียดนามระดับพรีเมียม

ส่วน การเดินทาง 6 ชั่วโมงระหว่างดานังและกวีเญิน ผู้โดยสารจะได้รับบริการอาหารกูร์เมต์สามคอร์สที่สั่งล่วงหน้า

ทั้งนี้ แขกบนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งยังได้รับของว่างฟรี ไวน์ไม่จำกัด ค็อกเทล ม็อกเทล ชา กาแฟ และน้ำอัดลม พร้อมทรีตเมนต์ศีรษะและไหล่ เป็นเวลา 15 นาที

ตู้โดยสารของ Vietage มีบาร์นั่งเล่น ห้องน้ำ และบูธส่วนตัว 6 ตู้ สำหรับ 2 ที่นั่ง โดยแต่ละบูธมาพร้อมกับปลั๊กไฟ / Wi-Fi ฟรี และตะกร้าสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมหมอน ผ้าห่ม และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความหรูหรานี้ สามารถสำรองที่นั่งทางออนไลน์ได้ที่ Thevietagetrain.com ในขณะที่ผู้ที่ต้องการรวมการเดินทางด้วยรถไฟเข้ากับการเข้าพัก ณ ที่พักแห่งใดแห่งหนึ่งของอนันตรา เช่น อนันตรา ฮอยอัน รีสอร์ท, อนันตรา กวีเญิน วิลล่า หรือ อวานี กวีเญิน รีสอร์ท สามารถจองแบบแพ็คเกจผ่านเว็บไซต์โรงแรมได้

ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียวของ Vietage คือ 420 ดอลลาร์ต่อคน (ราว 15,200 บาท) เส้นทางใหม่ออกจากสถานีรถไฟญาจางเวลา 14.00 น. ถึงสถานี Dieu Tri ในกวีเญิน เวลา 18:29 น.

ส่วนท่านที่ต้องการเดินทางตรงกันข้าม รถไฟจะออกจากสถานีรถไฟ Dieu Tri เวลา 14.15 น. - ถึงสถานีรถไฟญาจางเวลา 18:36 น.

ส่วนเส้นทางเดิม ออกจากสถานีรถไฟดานังเวลา 8.00 น. ถึงสถานี Dieu Tri ในเมืองกวีเญินเวลา 14.03 น. นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกช่วงเย็น โดยออกจาก Quy Nhon เวลา 19.00 น. ถึงดานังเวลา 00.53 น. ของวันรุ่งขึ้น การเดินทางของ Vietage นี้มีราคาถูกกว่าเล็กน้อย โดยมีราคาอยู่ที่ 315 ดอลลาร์ต่อผู้โดยสารหนึ่งคน (11,400 บาท)

ในด้านความต้องการ โจนส์ กล่าวว่า หลายคนหันมาใช้การเดินทางด้วยรถไฟมากกว่า "เร่งรีบผ่านสนามบินเพื่อเดินทางจาก A ไป B"

โจนส์ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมการบินภายในประเทศในเวียดนามในขณะนี้ กำลังเผชิญกับความท้าทายบางประการ ด้วยการหายไปของสองสายการบิน และจำนวนฝูงบินของสายการบินแห่งชาติที่ลดลง ดังนั้น การเดินทางทางอากาศโดยรวม จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน แถมยังมีราคาแพงเกินไป

เธอย้ำว่า Vietage เป็นประสบการณ์เดียวในเวียดนาม และแน่นอนว่า ด้วยการกลับมาของรถไฟ Belmond ความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถไฟที่หรูหรา กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คุณอาจสนใจ