วิกฤต 'ลาว' ขาดแรงงาน แห่ทำงานนอกประเทศ หนีเงินกีบอ่อน-ค่าครองชีพพุ่ง

คนงานลาวเดินทางออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อโอกาสการจ้างงานในต่างประเทศ หนีวิกฤตค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ด้านรัฐบาลลาวพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มการผลิตในประเทศและแก้วิกฤตขาดแคลนแรงงานในชาติ

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลลาวได้ประกาศดึงดูดการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อบรรเทาวิกฤตทางการเงินของประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และบรรเทาภาระหนี้

ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้าง การบริการ ธุรกิจท้องถิ่น ต่างประสบภาวะขาดแคลนแรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในลาว หลังจากแรงงานเดินทางออกนอกประเทศจำนวนมาก สืบเนื่องมาจากค่าแรงที่ต่ำ ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอ หลังการอ่อนค่าของเงินกีบอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ องค์กรรัฐยังได้อนุญาตและอำนวยความสะดวกแก่คนงาน ในการหางานชั่วคราวในต่างประเทศในประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ ไทย และญี่ปุ่น ผ่านช่องทางและโครงการทางกฎหมาย และผู้ที่ไม่สามารถหางานทำได้อย่างถูกกฎหมายมักจะหันไปใช้วิธีข้ามประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลักลอบทำงานผิดกฎหมาย

จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานเรื้อรัง ส่งผลให้ธุรกิจในประเทศจำนวนมากประสบปัญหาหนักหน่วง โดยตัวแทนของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งต้องพึ่งพาแรงงานลาวเป็นอย่างมาก ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับปัญหานี้ โดยบอกกับกระทรวงแรงงานว่าปัญหาจะต้องได้รับการแก้ไข

มีรายงานว่า โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของเดนมาร์ก ที่ดำเนินงานในเวียงจันทน์ ประเทศลาว กล่าวกับรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมว่า จำนวนคนงานในอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าได้ลดลงตั้งแต่ปี 2564 หลังแรงงานลาวเดินทางออกนอกประเทศเพื่อโอกาสที่ดีกว่า โดยโรงงานกล่าวว่ายังต้องการคนงานมากกว่า 2,000 คน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานและผู้ช่วยที่สามารถฝึกอบรมพนักงาน

อย่างไรก็ตาม บางส่วนยังมองโลกในแง่ดี โดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวลาวคนหนึ่งกล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานยังไม่เป็นปัญหาของกำลังแรงงานในประเทศทั้งหมด แม้ว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ต่ำจะผลักดันให้คนงานลาวไปหางานทำที่อื่นก็ตาม

“ผมเชื่อว่าประเทศเรา ไม่ได้ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานรุนแรงขนาดนั้น อย่างไรก็ตามแรงงานในประเทศลาวได้รับค่าจ้างน้อยกว่าจริงๆ โดยเฉพาะแรงงานในต่างจังหวัด จึงเลือกหางานทำในประเทศไทยทั้งถูกและผิดกฎหมาย” นายสมชาย อ้วนพิลาเล ที่ปรึกษากระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ กล่าว

หนึ่งในแรงงานลาวที่ไปทำงานที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมาย เผยว่า สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ในต่างประเทศ จะทำให้มีทักษะมากขึ้นเมื่อกลับไปทำงานที่ลาว

"เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการลงทุนและการสนับสนุนแรงงาน รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการลงทุนมากขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจในลาว และในขณะเดียวกันก็ให้แน่ใจว่า สามารถจัดหาแรงงานที่มีทักษะเพียงพอสำหรับภาคธุรกิจ"

เพื่อลดภาระทางการเงินของคนงานลาว สำนักนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศจาก 1,300,000 กีบ/เดือน (2,320 บาท) เป็น 1,600,000 กีบ/เดือน (2,855 บาท) เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้


ข้อมูลจาก : The Laotian Times