ต่างประเทศ

โค้งสุดท้าย 1 วัน ก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ 'ทรัมป์ - แฮร์ริส' ลุยหาเสียงรัฐสมรภูมิ

โดย panisa_p

4 พ.ย. 2567

44 views

ทางการสหรัฐฯ ยกระดับการรักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.หวั่นเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น หลังวันเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนี้ ขณะที่ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ยังคงลุยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายในรัฐสมรภูมิที่เป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินผลการเลือกตั้ง



เมื่อวานนี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันได้เดินทางไปหาเสียงถึง 3 รัฐ ในวันเดียว คือ เพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 19 เสียง, รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง, และรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง โดยที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ได้ขอให้ประชาชนออกไปลงคะแนนเพื่อเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีของ "ประเทศที่ล้มเหลว" และยังใช้คำพูดที่ร้อนแรงปราศรัยไปที่ประเด็นด้านเศรษฐกิจ, การอพยพเข้าเมือง, และการวิจารณ์คู่แข่ง



ทรัมป์ยังกล่าวอ้างแบบไม่มีหลักฐานว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้น หลังเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งประกาศว่า การนับคะแนนที่เพนซิลเวเนียอาจต้องใช้เวลนานหลายวันเหมือนปี 2563 เพื่อความถูกต้อง แต่ทรัมป์บอกว่าการใช้เวลานับคะแนนหลายวันทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่าระบบจะถูกควบคุม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการประกาศผลในวันเลือกตั้งเลย



ต่อมาทรัมป์ได้เดินทางไปหาเสียงต่อที่เมืองคินส์ตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา และปิดท้ายที่เมืองแมคอน รัฐจอร์เจีย ซึ่งเขาได้กล่าวตำหนิแฮร์ริสที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามาในประเทศ และเกิดอาชญากรรมรุนแรง นอกจากนี้ ยังเตือนว่าจะเกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) อีกครั้ง เหมือนในปี 1929 หากแฮร์ริสชนะเลือกตั้ง



ส่วนทางด้านรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ได้เดินสายหาเสียงที่โบสถ์คนผิวดำ และปราศรัยต่อหน้าชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับในรัฐมิชิแกน ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมด 15 เสียง แฮร์ริสได้กล่าวต่อผู้มาร่วมพิธีที่โบสถ์เกรทเตอร์ เอ็มมานูเอลในเมืองดีทรอยต์ว่า ในอีก 2 วันข้างหน้า ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินชะตากรรมของประเทศชาติเพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไป และตอนนี้ การสวดมนต์และพูดอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอแล้ว



ต่อมาในการปราศรัยที่เมืองอีสต์แลนชิง รัฐมิชิแกน แฮร์ริสได้กล่าวต่อชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับ และพูดถึงพลเรือนที่ตกเป็นเหยื่อจากความขัดแย้งในกาซาและเลบานอน ว่าเธอรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นความสูญเสียและความเสียหายในกาซา รวมถึงการเสียชีวิตของพลเรือนและการพลัดถิ่นฐานในเลบานอน และว่าหากเธอได้เป็นประธานาธิบดี เธอจะใช้ทุกอำนาจที่มีเพื่อยุติสงครามในกาซา อย่างไรก็ตาม รองประธานาธิบดีแฮร์ริสยังต้องเผชิญกับความไม่ไว้วางใจ จากประชาชนบางกลุ่มที่รู้สึกผิดหวังที่เธอไม่ได้พยายามมากพอในการยุติสงครามในกาซาและลดการสนับสนุนอิสราเอล



ส่วนในวันนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนการเลือกตั้ง ผู้สมัครทั้งสองคนจะเดินทางไปหาเสียงที่รัฐสำคัญ โดยแฮร์ริสจะไปที่รัฐเพนซิลเวเนีย ส่วนทรัมป์จะไปหาเสียงใน 3 รัฐ คือ นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย, และมิชิแกน ซึ่งตอนนี้ ทั่วประเทศ มีประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 78 ล้านคน



ในส่วนเรื่องของการคุมเข้มความปลอดภัย เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เร่งติดตั้งรั้วเหล็กเพื่อเสริมการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานที่สำคัญ ๆ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เช่น ทำเนียบขาวและบ้านพักของรองประธานาธิบดี นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ หรือ ซีเคร็ตเอเจนต์ (Secret Agent) ประจำการอยู่รอบอาคารดังกล่าวด้วย เนื่องจากหวั่นวิตกว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นหลังการเลือกตั้ง ซึ่งทางหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เตือนว่า รัสเซียกับอิหร่านอาจสนับสนุนให้เกิดการประท้วงที่รุนแรง



ส่วนผลการสำรวจคะแนนนิยมทั่วประเทศล่าสุด ที่จัดทำโดย ไฟว์ เทอร์ตี้ เอท (538) ร่วมกับ เอบีซี นิวส์ (ABC News) แฮร์ริสยังคงมีคะแนนนำทรัมป์เพียงแค่ 1% คือ 48% ต่อ 47% แต่ที่ต้องจับตามองมากที่สุดคือ 7 รัฐสมรภูมิ โดยผลโพลล์ล่าสุดชี้ว่าตอนนี้ ทรัมป์นำแฮร์ริสทั้งหมด 5 รัฐ คือ เพนซิลเวเนีย, เนวาดา, นอร์ทแคโรไลนา, จอร์เจีย, และแอริโซนา ขณะที่แฮร์ริสนำทรัมป์ใน 2 รัฐ คือ มิชิแกน และวิสคอนซิน หากในวันเลือกตั้งผลคะแนนออกมาตามโพลล์สำรวจจริงๆ โอกาสที่ทรัมป์จะชนะก็มีสูง แต่ที่ยังไม่สามารฟันธงได้ในตอนนี้ เพราะคะแนนที่นำโดยส่วนใหญ่มีประมาณ 1 จุดเท่านั้น จึงต้องรอลุ้นกันตอนนับคะแนนแล้วเสร็จจริง ๆ



ล่าสุดมีอีกหนึ่งรัฐที่ต้องจับตา คือ ไอโอวา ซึ่งปกติเป็นรัฐสีแดงที่หนุนรีพับลิกัน แต่ผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุด จากหนังสือพิมพ์ดิมอยน์เรจิสเตอร์ ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่น ปรากฎว่าแฮร์ริสกลับมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ถึง 3% หรือ 47% ต่อ 44% แม้ผลโพลล์นี้จะมีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ 3.4% แต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะการสำรวจครั้งล่าสุด เมื่อเดือนกันยายน ทรัมป์นำแฮร์ริสอยู่ 4%



ทีมหาเสียงของทรัมป์โจมตีผลการสำรวจดังกล่าวว่า มั่วและมีความผิดปกติอย่างชัดเจน และว่าการสำรวจของอิเมอร์สันคอลเลจ เรียลเคลียร์ดีเฟนท์ ที่จัดทำในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันระบุว่า ทรัมป์มีคะแนนนำแฮร์ริสถึง 10 จุด ทั้งนี้ ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐไอโอวาด้วยคะแนนกว่า 9% ในปี 2016 และประมาณ 8% ในปี 2563



หลังจากวันเลือกตั้งที่ 5 พฤศจิกายนไปแล้ว ยังมีวันสำคัญๆ จากนั้นอีก ที่จะนำไปสู่กระบวนการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรอง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่คนที่ 47 จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการช่วงต้นปีหน้า



อย่างที่ทราบกันว่า 5 พฤศจิกายน ไม่ใช่วันที่ชาวอเมริกันเลือกประธานาธิบดีโดยตรง แต่เป็นวันที่พวกเขาไปเลือกกลุ่มคณะผู้เลือกตั้ง หรือที่เรียกว่า Elector ไปเลือกประธานาธิบดีและรองแทนพวกเขา



คณะผู้เลือกตั้งทั้ง 538 คนจะร่วมประชุมพร้อมกันในสภาท้องถิ่นตามรัฐของตนในวันที่ 17 ธันวาคม เพื่อเลือกประธานาธิบดีและรอง ตามที่ประชาชนในรัฐนั้นๆ เลือก จากนั้นจะส่งไปเอกสารดังกล่าวไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี.



25 ธันวาคม เป็นวันที่กำหนดให้แต่ละรัฐต้องส่งผลเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้งมายังประธานวุฒิสภา-6 มกราคม 2568 รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับมอบหมายเป็นประธาน ประชุมรับรองการเลือกตั้ง และประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ



20 มกราคม 2568 ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี จะเข้าพิธีสาบานตน รับตำแหน่งในเวลา 12 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น

คุณอาจสนใจ

Related News