'ลอว์เรนซ์ หว่อง' สาบานตนรับตำแหน่งนายกฯสิงคโปร์คนใหม่ ในรอบ 20 ปี

นายลอว์เรนซ์ หว่อง เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 4 ของสิงคโปร์แล้วในวันนี้ รับไม้ต่อจาก นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ที่ลงจากตำแหน่ง หลังบริหารประเทศสิงคโปร์มายาวนาน 20 ปี



นายหว่อง รองนายกรัฐมนตรี เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบ อิสตานา เมื่อเวลา 20 นาฬิกาวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 19 นาฬิกาตามเวลาบ้านไทย โดยมีแขกผู้มีเกียรติมากกว่า 800 คน ซึ่งรวมถึง นักธุรกิจชั้นนำ , เจ้าหน้าที่สาธารณสุข , ผู้นำทางศาสนา , ครู , นักเรียน และ อาสาสมัครในชุมชน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบตำแหน่งผู้นำสิงค์โปร์ ครั้งที่ 3 ในรอบ 59 ปี



นายกรัฐมนตรีหว่อง กล่าวว่า ผู้นำรุ่นที่สี่ของสิงคโปร์ ได้รับประโยชน์จากนโยบายของผู้ก่อตั้งประเทศ แต่เขาจะต้องเป็นผู้นำในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งดูแตกต่างจากผู้นำและรัฐบาลรุ่นก่อนๆ โดยยืนยันว่าเราจะคิดอย่างกล้าหาญและคิดไกล ทั้งนี้เรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ซึ่งเรื่องราวที่ดีที่สุดของชาวสิงคโปร์กำลังรออยู่ข้างหน้า



ทั้งนี้ นายหว่อง ได้ถูกวางตัวให้มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนเมษายนปี พ.ศ. 2565 แล้ว และเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายหว่องก็ได้ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาแล้ว แต่ก็ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่น่าจะเกิดขึ้น หลังการเลือกตั้งทั่วไปเท่านั้น ซึ่งจะจัดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนปี 2568



นายหว่อง เป็นข้าราชการที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง ผลงานที่โดดเด่นคือ มีส่วนทำให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคโควิด-19



การวางตัวให้ลอว์เรนซ์ หว่อง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของสิงคโปร์ นับเป็นการวางแผนสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองที่รอบคอบที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่า สิงคโปร์จะยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ



ในส่วนของลี เซียนลุง ปัจจุบันอายุ 72 ปี เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเกือบ 20 ปีแล้ว และการลาออกของลี เซียน ลุง นับเป็นการสิ้นสุดของครอบครัวผู้นำสิงคโปร์ เป็นที่ทราบกันดีว่า นาย ลีเซียน ลุง เป็นลูกชายของนาย ลี กวน ยู ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนแรก ผู้สร้างอาณานิคมการค้าในประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากร ให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ในระหว่างการบริหารประเทศยาวนานถึง 31 ปี



นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวว่า ลี เซียนลุง นับว่า เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการคลังของสิงค์โปร์อย่างชัดเจน ในช่วงระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง



อย่างไรก็ตามลี เซียน ลุง จะยังคงอยู่ในคณะรัฐมนตรีต่อไปในฐานะรัฐมนตรีอาวุโส เช่นเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในอดีตที่เคยทำ เพื่อรักษาอิทธิพลทางการเมืองของตระกูลลีที่ดำรงตำแหน่งมายาวนาน 31 ปี-ลี เซียนลุง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพีเพิ้ลส แอคชั่น (People’s Action) มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547