ฮามาสปล่อย 2 ตัวประกันแล้ว ขณะอิสราเอล เปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าไปในกาซา

ข่าวดีของผู้ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกันหลังโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะทางผู้นำโลก ได้ร่วมประชุมสุดยอดสันติภาพไคโร ที่เมืองหลวงของอียิปต์ เพื่อหารือเกี่ยวกับภาวะสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส



การประชุมดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ โดยใช้ชื่อว่า การประชุมสุดยอดสันติภาพไคโร หรือ Cairo Peace Summit ที่กรุงไคโร ของประเทศอียิปต์ มีผู้นำและตัวแทนหลายชาติเดินทางมาเข้าร่วม อาทิ นายกรัฐมนตรีอิตาลี, สเปน, กรีซ, แคนาดา, ประธานคณะมนตรียุโรป และรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษและญี่ปุ่น



ที่ประชุมพยายามหาทางเพื่อยุติความรุนแรงที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ ซึ่งคาดว่าจะมีการหาจุดยืนร่วมกันต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส โดยมุ่งเน้นไปที่การหาหนทางในการลดความรุนแรงของการสู้รบระหว่างสองฝ่าย และหาทางทำให้มีการหยุดยิง เพื่อรักษาชีวิตของพลเรือน



โดยนายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี กล่าวว่า ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามบานปลายระหว่างอิสราเอลและฮามาส และกำหนด Road Map เพื่อแก้ปัญหาของ 2 ดินแดนโดยเร็ว



ส่วนนายกรัฐมนตรี คีเรียคอส มิตโซตาคิส ของกรีซ กล่าวว่า ควรใช้กระบวนการสันติภาพเพื่อแก้ปัญหา และว่า การแทรกแซงทางทหารไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้



ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุในที่ประชุมว่า จำเป็นจะต้องมีช่องทางด้านมนุษยธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่พลเรือนในฉนวนกาซา และสิ่งนั้นอาจนำไปสู่การหยุดยิงได้ เธอยังกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เพิ่งประกาศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ราว 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 360 ล้านบาท



ทั้งนี้ มีรายงานจากนักการทูต 2 คนว่า การประชุมครั้งนี้ ไม่น่ามีการแถลงการณ์ร่วมจากการประชุม และการกล่าวถึงการโจมตีอิสราเอลของฮามาส และรวมไปถึงประเด็นว่า อิสราเอลมีสิทธิในการปกป้องตัวเองหรือไม่



ยังมีรายงานอีกด้วยว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของอิสราเอล และไม่มีผู้นำชาติยุโรปอื่นๆ เข้าร่วม ซึ่งคาดการณ์ว่า การที่ไม่มีบุคคลเหล่านี้ เพื่อลดอุณหภูมิความตึงเครียด และไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้



ขณะที่ในวันนี้ เริ่มมีข่าวดีสำหรับญาติของผู้ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน หลังกลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวประกันชาวอเมริกัน 2 คนเป็นอิสระ ถือเป็นตัวประกัน 2 คนแรกที่ได้รับการปล่อยตัว ตัวประกันที่ฮามาสปล่อยตัวออกมาคือ นางจูดิธ รานัน (Judith Raanan ) วัย 59 ปี และนาตาเลีย (Natalie) ลูกสาวของเธอวัย 17 ปี ทั้งสองคนมาจากนครชิคาโก้ มีภาพนิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลเผยแพร่ออกมานี้เป็นภาพจูดิธและนาตาเลีย จูงมือกับกัล เฮิรช์ (Gal Hirsch) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานของอิสราเอลเพื่อเชลยศึกและผู้สูญหายทั้งสองคนถูกจับตัวไปในวันที่ฮามาสปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบ



ขณะที่กลุ่มติดอาวุธของฮามาสก็เผยภาพ ตัวประกันทั้ง 2 คนถูกนำตัวมาให้กับสภากาชาด ก่อนที่จะถูกส่งตัวต่อให้กับกองทัพอิสราเอลที่ชายแดนฉนวนกาซ่าต่อไปด้วย

การปล่อยตัวประกันในครั้งนี้ทำให้บรรดาญาติๆ มีความหวังมากขึ้นว่า ตัวประกันที่เหลือจะได้รับอิสรภาพด้วย ซึ่งกองทัพอิราเอลระบุว่า ยังมีตัวประกันอีก 210 คนที่ถูกควบคุมตัวในกาซา



สถานทูตสหรัฐฯในอิสราเอลยังได้เผยภาพจูดิธ และนาตาเลีย พูดคุยโทรศัพท์สายตรงกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และจนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทำไมสองแม่ลูกคู่นี้จึงได้รับการปล่อยตัวเป็นคนแรก ซึ่งโฆษกฮามาสได้แต่ให้เหตุผลว่า เพื่อมนุษยธรรมและการปล่อยตัวมีขึ้นจากการไกล่เกลี่ยของรัฐบาลกาต้าร์ ขณะที่สหรัฐฯออกมาชื่นชมการปล่อยตัวประกันในครั้งนี้ และว่า สหรัฐฯกำลังทุ่มเทความพยายามอย่างเร็วที่สุด ให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด



ส่วนสถานการณในฉนวนกาซา วันนี้ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปถึงกาซาแล้วรถบรรทุกหลายสินคัน ซึ่งขนทั้งอาหาร น้ำ และยารักษาโรค ได้เดินทางเข้าไปยังฉนวนกาซาแล้ว ผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ของอียิปต์ ถือเป็นรถบรรทุกความช่วยเหลือชุดแรกที่เดินทางถึงฉนวนกาซา นับตั้งแต่การโจมตีระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ปะทุขึ้น เมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา



กองทัพอิสราเอลออกมายืนยันผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะเข้าไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเท่านั้น ประกอบไปด้วย น้ำ อาหาร และยารักษาโรค โดยจะไม่มีการส่งเชื้อเพลิงเข้าไปโดยเด็ดขาด



รายงานระบุว่า ขณะที่รถบรรทุกความช่วยเหลือกำลังทยอยผ่านแดนเข้าไปในกาซา การโจมตีในจุดดังกล่าวก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวต่างประเทศสามารถถ่ายภาพกลุ่มควันดำขนาดใหญ่ที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า



เช่นเดียวกับทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ฝั่งอิสราเอลยังเดินหน้าโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง มีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในหลายพื้นที่



ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ เผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในกาซา อยู่ที่ 4,137 และบาดเจ็บมากกว่า 10,300 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอล มีมากกว่า 1,400 คน และบาดเจ็บ 4,800 คน