ต่างประเทศ

ชาวปาเลสไตน์เร่งอพยพ หลังอิสราเอลประกาศเส้นตาย สั่งย้ายออกจากกาซาใน 24 ชม.

13 ต.ค. 2566

222 views

ชาวปาเลสไตน์เร่งเก็บข้าวของอพยพออกจากบ้านเรือน ในพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา หลังอิสราเอลประกาศเส้นตายให้พลเรือนอพยพไปทางใต้ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อิสราเอลจะเปิดปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินต่อกลุ่มฮามาสในกาซา เร็ว ๆ นี้



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลประกาศขีดเส้นตาย 24 ชั่วโมง ให้ประชาชนประมาณ 1 ล้าน 1 แสนคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เหนือเขตวาดีกาซา (Wadi Gaza) อพยพลงไปทางใต้



ทางการอิสราเอลได้ทิ้งใบปลิวจำนวนมากลงไปในฉนวนกาซา โดยมีข้อความระบุว่า "เพื่อความปลอดภัย พวกคุณต้องอพยพออกจากบ้านทันที และหาที่หลบภัย" นอกจากนี้ ยังระบุว่า อย่ากลับเข้ามาในพื้นที่ จนกว่าจะมีการประกาศใหม่ออกมา ซึ่งคำประกาศดังกล่าวก็ทำให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาบางส่วนเก็บข้าวของอพยพตามคำเตือนของอิสราเอล



หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อิสราเอลกำลังจะเปิดฉากโจมตีภาคพื้นดินต่อกลุ่มติดอาวุธฮามาส ในฉนวนกาซา ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตอนนี้อิสราเอลระดมทหารประมาณ 3 แสนนาย พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ และรถถังเข้าไปประชิดพรมแดนที่อยู่ติดกับฉนวนกาซา ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า อิสราเอลเริ่มยิงปืนใหญ่เข้าไปในฉนวนกาซาแล้ว



กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ระบุว่า นักรบฮามาสแอบซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน และในอาคาร ปะปนกับพลเรือน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว พลเรือนควรอพยพออกจากเมือง และอยู่ให้ห่างจากนักรบฮามาส เพราะอาจถูกใช้เป็นโล่กำบัง



อย่างไรก็ดี ทางองค์การสหประชาชาติออกมาคัดค้านพร้อมเรียกร้องอิสราเอลให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เพราะการอพยพพลเรือนจำนวนมากไม่สามารถทำได้ภายในเวลาอันสั้น และหากเกิดการโจมตีขึ้น อาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้าย



นอกจากนี้ ทางองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาแสดงความเป็นห่วงเรื่องการอพยพผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บออกจากโรงพยาบาล ซึ่งไม่สามารถทำได้ในเวลาที่กำหนด และว่าตอนนี้ โรงพยาบาลหลัก 2 แห่งทางเหนือของฉนวนกาซามีผู้ป่วยเต็มอัตรา เช่นเดียวกับทางใต้ ดังนั้น หากเกิดการโจมตี พลเรือนก็จะไม่มีที่ปลอดภัยให้หลบซ่อนตัว



ในเวลาต่อมา ทางโฆษกของกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ออกมาบอกว่า ทางกองทัพเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการเคลื่อนย้ายพลเรือนทุกคน อาจใช้เวลาที่ยาวนาน พร้อมประณามกลุ่มฮามาสที่บอกประชาชน ไม่ให้สนใจคำเตือนของฝั่งอิสราเอล



ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮามาสได้ประกาศบอกประชาชนว่า ไม่ต้องฟังคำสั่งของอิสราเอล เพราะเป็นเพียงแค่โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเชิญชวนให้ชาวปาเลสไตน์ลุกขึ้นมาประท้วง เดินขบวนไปยังมัสยิดอัลอักซอ (Al Aqsa) ที่ตั้งอยู่ในนครเยรูซาเลม และเผชิญหน้ากับกองกำลังของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ กลุ่มฮามาสบอกชาวปาเลสไตน์ให้ประกอบพิธีละหมาดในมัสยิดเหมือนที่เคยทำตามปกติ



ขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสยังบอกอีกว่า การโจมตีของอิสราเอล ทำให้ตัวประกันที่ถูกจับมาเสียชีวิต 13 คน จากทั้งหมดประมาณ 150 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย แต่ยังไม่บอกว่าเป็นชาติใดบ้าง ขณะที่ทางอิสราเอลยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น



ในฝั่งของอิสราเอล วันนี้ ถูกโจมตีจากจรวดของกลุ่มฮามาส ที่ลอยข้ามมาจากฉนวนกาซา แต่หลายลูกถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศเอาสกัดไว้ได้ แต่ถึงกระนั้น ก็มีบางลูกตกใส่บ้านเรือนของประชาชน ในเมืองอัชเคลอน (Ashkelon) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอลและใกล้กับฉนวนกาซา



ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ทางเหนือที่อยู่ติดกับเลบานอน ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน กลุ่มติดอาวุธฮิสบอลเลาะห์ประกาศว่า พร้อมสู้รบกับอิสราเอล ร่วมกับกลุ่มฮามาส เมื่อถึงเวลา ทำให้อิสราเอลต้องระดมกำลังทหารและรถถังไปประจำการอยู่บริเวณชายแดน



ในขณะเดียวกัน องค์กรฮิวแมน ไรท์ วอทช์ (Human Right Watch) ออกมาแสดงความกังวล หลังตรวจสอบคลิปวิดีโอการสู้รบ แล้วพบว่าอิสราเอลใช้ "ระเบิดฟอสฟอรัสขาว" ซึ่งเป็นอาวุธเคมีอันตรายในการโจมตีฉนวนกาซา และพื้นที่ชนบทในเลบานอน ที่อยู่ติดกับพรมแดนอิสราเอล



ระเบิดฟอสฟอรัสขาวจัดเป็นอาวุธเคมีอันตราย เมื่อเกิดระเบิดจะกระจายตัวออก แล้วติดไฟทันทีเมื่อสัมผัสกับออกซิเจน เมื่อติดไฟแล้วจะดับยากมาก เพราะฟอสฟอรัสขาวสามารถเกาะติดได้ดีบนพื้นผิวหลายชนิด ซึ่งไฟจากฟอสฟอรัสขาว มีความร้อนถึง 815 องศาเซลเซียส ถ้าถูกผิวหนังก็สามารถไหม้ได้จนถึงกระดูก นอกจากนี้ ควันจากฟอสฟอรัสขาว ยังทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตาและระบบทางเดินหายใจ รวมถึง ทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว ในระยะยาว ฟอสฟอรัสขาวอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว และสุขภาพจิต



เช่นเดียวกับจอร์แดน เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมที่สนับสนุนปาเลสไตน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรุงอัมมาน ผู้ชุมนุมประมาณ 500 คนได้ฝ่าด่านรักษาความปลอดภัยบนถนนที่มุ่งสู่พรมแดนติดกับเขตเวสต์แบงก์ ทำให้ตำรวจตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม



ส่วนที่มาเลเซีย ประชาชนเดินขบวนไปตามท้องถนนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มุ่งหน้าสู่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เพื่อแสดงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ หลังเสร็จสิ้นการประกอบพิธีละหมาดในวันศุกร์



เช่นเดียวกับอินเดีย ประชาชนหลายหมื่นคนเดินขบวน ในหลายเมือง เช่น พุดกาม (Budgam), ลัคเนา (Lucknow), และไฮเดอราบัด (Hyderabad) เรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรง



ล่าสุด สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 2,837 คน อยู่ในอิสราเอล 1,300 คน และฉนวนกาซา 1,799 คน ในจำนวนนี้ เป็นเด็ก 583 คน ผู้หญิง 351 คน นอกจากนี้ ยังมีชาวปาเลสไตน์ต้องแตกฉานซ่านเซ็นออกจากบ้าน 4 แสน 2 หมื่น 3 พัน 378 คน คิดเป็น 21% ของประชากรทั้งหมดในฉนวนกาซา

คุณอาจสนใจ

Related News