'สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้' ยกระดับความร่วมมือทางทหาร ต้าน 'จีน-เกาหลีเหนือ'

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ประธานาธิบดียุน ซุกยอล ของเกาหลีใต้ และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น บรรลุข้อตกลง ยกระดับความร่วมมือทางทหารให้แน่นเเฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมกับประณามจีนว่า มีพฤติกรรมที่อันตรายและก้าวร้าวในทะเลจีนใต้



การประชุมร่วมกันระหว่าง 3 ชาติ ถูกจัดขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐ ที่แคมป์ เดวิด ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศของผู้นำสหรัฐ ในรัฐแมริแลนด์ เมื่อวานนี้ โดยเป็นการประชุมร่วมกับชาติเอเชียที่เป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ประกอบไปด้วย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น และแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของทั้ง 3 ชาติ



ประธานาธิบดีไบเดน พร้อมด้วยประธานาธิบดีซุกยอล และนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน หลังการประชุมเสร็จสิ้น โดยเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือทางทหารและเศรษฐกิจ ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน และภัยคุกคามนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ



นอกจากนี้ ทั้ง 3 ชาติ ให้คำมั่นที่จะปรึกษาหารือระหว่างกันโดยทันทีในช่วงวิกฤต และพร้อมประสานการตอบสนอง ต่อความท้าทายระดับภูมิภาค การยั่วยุ และภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อผลประโยชน์ร่วมกัน



ผู้นำ 3 ชาติ ยังกล่าวประณามประเทศจีน ว่ามีพฤติกรรมที่อันตรายและก้าวร้าว เพื่ออ้างสิทธิ์ทางทะเลอย่างผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้ และทั้ง 3 ชาติ ขอคัดค้านการอ้างสิทธิ์ดังกล่าว



นอกจากนี้ ผู้นำทั้ง 3 ชาติ ยังตกลงที่จะจัดการซ้อมรบร่วมประจำปี และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ แบบเรียลไทม์ภายในสิ้นปี 2023 พร้อมกับรับปากว่า จะมีการประชุม 3 ชาติ แบบนี้ทุก ๆ ปี



อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ยังไม่ชัดถึงขั้นตั้งกลุ่มพันธมิตร 3 ฝ่ายอย่างเป็นทางการ แต่ก็แสดงถึงก้าวย่างที่เด็ดเดี่ยวของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งมีความบาดหมางทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น เข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงปี 1910-1945



สำหรับการประชุมแคมป์เดวิด ถือเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมกับเวทีนานาชาติอื่น ๆ โดยริเริ่มจากวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดียุน ที่มองว่า มีความจำเป็นที่เกาหลีใต้จะต้องปรองดองกับญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันต่อต้านภัยคุกคามจากจีน เเละเกาหลีเหนือ รวมไปถึงรัสเซีย หลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ก่อสงครามรุกรานประเทศยูเครน