ต่างประเทศ

ย้อนจุดเริ่มต้นสงคราม 'รัสเซีย-ยูเครน' ที่สร้างผลกระทบไปทั่วยุโรป

โดย chiwatthanai_t

24 ก.พ. 2566

174 views

วันนี้ครบรอบ 1 ปี ที่รัสเซียส่งกองกำลังทหารเข้ามาโจมตีและยึดครองพื้นที่ในยูเครน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน สร้างผลกระทบไปทั่วภูมิภาคยุโรป ทั้งเรื่องของวิกฤตพลังงานและด้านเศรษฐกิจ


ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า จะใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน และหลังจากนั้นไม่นาน กองกำลังของรัสเซียก็บุกเข้าพื้นที่ตะวันออกของยูเครน และยังขยายลุกลามไปทั้งทางเหนือและทางใต้ด้วย เหตุผลที่ประธานาธิบดีปูติน หยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างคือ เพื่อให้พื้นที่ในดอนบาสปลดทหารยูเครน ขจัดนาซีปกป้องกลุ่มชาติพันธุ์รัสเซีย ปกป้องผู้คนที่ถูกรังแกโดยระบอบเคียฟมาตลอด 8 ปี และที่สำคัญสกัดกั้นการเข้าเป็นสมาชิกภาพนาโต้ของยูเครน อย่างไรก็ตาม หลายคนเชื่อว่า นี่คือสงครามเพื่อยึดคืนพื้นที่ที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียด ด้านยูเครนและชาติตะวันตก ก็ตอบโต้ว่า ปฏิบัติการนี้เป็นการรุกรานที่ผิดกฏหมายต่อประเทศ ที่มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิปไตย


อย่างไรก็ตาม กองกำลังรัสเซียยังรุกคืบเข้าใกล้กรุงเคียฟ ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน ทำหน้าที่ผู้นำได้อย่างดีเยี่ยม บัญชาการรบอยู่ในกรุงเคียฟ ไม่คิดที่จะเดินทางออกจากเมืองหลวง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารและประชาชนของตน ภารกิจหลักของเซเลนสกี้ ตลอดระยะเวลาของสงคราม คือขอการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก ซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จ ชาติตะวันตกร่วมกดดันรัฐบาลรัสเซีย ด้วยมาตรการคว่ำบาตร และรับผู้อพยพยูเครนเข้าประเทศ รัสเซียยังได้ยึดพื้นที่ในแคว้นซาปอริสเซีย รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ซาปอริสเซีย โรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปได้ และยังเดินหน้ารุกคืบมุ่งสู่กรุงเคียฟ ในเดือนที่สองของสงคราม แต่ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย ก็ดูจะไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จนในที่สุดรัสเซียต้องตัดสินใจถอนทหารออกจากพื้นที่โดยรอบกรุงเคียฟ เพราะไม่สามารถยึดครองกรุงเคียฟได้ รัสเซียปรับกลยุทธ์ใหม่ มุ่งยึดครองพื้นที่ใจกลางภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นย่านอุตสาหกรรม ในระหว่างที่รัสเซียถอนกองกำลังออกไปจากพื้นที่ใกล้กรุงเคียฟ สิ่งที่ถูกทิ้งหลงเหลือไว้ก็คือ ศพชาวยูเครนนับร้อยคน ที่ถูกทิ้งไว้ในหลุมฝังศพหมู่ในเมืองบูชา (Bucha) ศพบางศพก็ถูกทิ้งไว้ตามท้องถนน ศพดังกล่าวมีร่องรอยการถูกทรมาน



สงครามครั้งนี้ทำให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยูเครนหลายล้านคน ไหลทะลักออกนอกประเทศ ผู้คนล้มตายนับหมื่น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครบอกได้ว่า สงครามจะสิ้นสุดลงเมื่อไร นอกจากนี้ สงครามยูเครนมีผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะความมั่นคงด้านอาหาร เนื่องจากยูเครนและรัสเซียเป็นประเทศส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลก สงครามที่เกิดขึ้นทำให้การส่งออกธัญพืชหยุดชะงัก


ขณะเดียวกันผู้นำรัสเซียก็สนับสนุนการลงประชามติที่ผิดกฏหมายในภูมิภาคโดเนตสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอน และซาปอริสเซียของยูเครน จนในที่สุด 30 กันยายน ประธานาธิบดีปูติน ลงนามในเอกสารผนวก 4 ภูมิภาคนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย พิธีถูกจัดขึ้นที่ทำเนียบเครมลิน ความเคลื่อนไหวตรงนี้ ดูเหมือนจะเป็นการตอกย้ำว่า เป้าหมายที่แท้จริงของประธานาธิบดีปูติน คือการผนวกรวมดินแดนที่เคยเป็นของอดีตสหภาพโซเวียด


สงครามยูเครนยืดเยื้อเข้าสู่ปี 2023 ยูเครนร้องขอชาติตะวันตกให้เสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพของตนมากขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะเหนือรัสเซีย จนในที่สุดทั้งสหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษ และอีกหลายชาติ ยินยอมส่งรถถังประสิทธิภาพสูง ให้กับยูเครน โดยเยอรมนียอมส่งรถถังเลพเพิร์ดทู และยังอนุญาตให้ประเทศอื่นๆ สามารถส่งรถถังรุ่นนี้ไปช่วยยูเครน ขณะที่สหรัฐฯส่งรถถังเอ็มวัน เอบรามส์ ช่วยเสริมศักยภาพภาพให้กับกองทัพยูเครนด้วย



ล่าสุดในวันนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกี้ แถลงต่อประชาชนชาวยูเครนว่า เราจะชนะทุกคน และยูเครนจะมีชัยชนะเหนือรัสเซียภายในปีนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้คงออกมาเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรตะวันตก เร่งให้การสนับสนุนทางทหารยูเครนอย่างรวดเร็ว ยิ่งจัดส่งอาวุธให้ยูเครนช้ามากเท่าไร ความสูญเสียก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


ด้านที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้ลงมติอย่างท่วมท้น เมื่อวานนี้ สนับสนุนญัตติประณามการรุนรานยูเครนของรัสเซีย พร้อมกับเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน และยุติการสู้รบ โดย 141 ชาติลงมติเห็นชอบ 32 ชาติ งดออกเสียง และ 7 ประเทศรวมถึงรัสเซีย ลงมติไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนหวั่นวิตก คือ ความขัดแย้งครั้งนี้จะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์หรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ปูตินข่มขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์หลายครั้ง


ทั้งนี้ สงครามยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 42,295 คน บาดเจ็บ 56,756 คน สูญหายอย่างน้อย 15,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัย 14 ล้านคน อาคารบ้านเรือนถูกทำลาย 140,000 หลัง ความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 3 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์

คุณอาจสนใจ

Related News