ครั้งแรก! "หนุ่ม กรรชัย" ขอเป็นแขกถูกสัมภาษณ์ในรายการตัวเอง เล่าหมดจุดเริ่มต้น "โหนกระแส"

รายการโหนกระแสเทปพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (31 ธันวาคม 2568)  ได้เชิญแขกรับเชิญคนสนิทมาร่วมพูดคุย ได้แก่ ป๋อง กพล ทองพลับ, แจ็ค เดอะโกสต์ และทนายแก้ว ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรดำเนินรายการ ต้องมาเป็นคนถูกสัมภาษณ์ พร้อมเปิดอกแบบหมดเปลือกเล่าเบื้องหลังความเป็นมาของรายการโหนกระแส

เริ่มต้น หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยว่า ความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งคือ อยากถูกสัมภาษณ์บนโต๊ะโหนกระแส เพราะที่ผ่านมาเป็นคนสัมภาษณ์คนอื่นมาตลอด ด้านป๋อง กพล จึงรับหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์ และถามถึงจุดเริ่มต้นของรายการโหนกระแส



หนุ่ม กรรชัย เล่าว่า รายการโหนกระแสปัจจุบันทำมาแล้ว 9 ปี เดิมทีทำรายการ “ปากโป้ง” อยู่ที่ช่อง 8 ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลง จึงนำรายการมาเสนอที่ช่อง 3 ตอนนั้นเสนอไป 2 ชื่อ คือ "โหนกระแส" ซึ่งชื่อนี้คิดได้ตอนทำธุระอยู่ในห้องน้ำ ส่วนอีกชื่อหนึ่งที่ขอเก็บเป็นความลับ เพราะกำลังจะนำมาทำเป็นรายการใหม่ในปีหน้า



ช่วงแรกในการทำโหนกระแสเจอวิกฤติหนัก ต้องฝ่าฟันทั้งการเสนอขายงานลูกค้า หาโฆษณามาเข้ารายการ ซึ่งตอนนั้นขายลูกค้าไม่ได้เลย แถมต้องแบกค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทำให้เป็นหนี้ การเงินติดลบ 20-30 ล้านบาท จนเกือบต้องยุติรายการ ก่อนตัดสินใจลงทุนเพิ่มด้วยการซื้อเวลาโฆษณา 3 นาทีที่เป็นส่วนของช่องกลับมาเป็นของตัวเอง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเวลาขายสินค้าได้ครบ 7 นาทีตามที่ลูกค้าต้องการ และนั่นคือก้าวแรกที่ทำให้รายการเริ่มตั้งตัวได้



ส่วนเส้นทางอาชีพกว่าจะมาเป็นผู้พิธีกรรายการข่าว ที่ทุกคนเชื่อถือก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  หนุ่ม กรรชัย เล่าว่า ตอนที่ตัดสินใจมาเป็นพิธีกรรายการข่าว ต้องยอมเลิกเล่นละครอย่างเด็ดขาด เพราะถ้ายังรับเล่นละครอยู่ คนก็จะติดภาพตัวเองไปตบตีแย่งชิง และยังยอมไม่รับพิธีกรวาไรตี้ต่างๆ เพราะความน่าเชื่อถือในฐานะคนข่าวจะหายไป แม้จะต้องเสียรายได้ไปหลายสิบล้าน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้พิสูจน์ตัวเอง



ช่วงท้าย หนุ่ม กรรชัย ได้ระบายความในใจ บอกการทำรายการโหนกระแสค่อนข้างยาก มีหลายอย่างที่ต้องควบคุม ซึ่งควบคุมลำบาก แม้แต่แขกรับเชิญบางคนพูดเก่ง บางคนพูดไม่เก่ง หรือมีความเครียด จะต้องมีมุขให้ตลก บางเรื่องไม่ได้ขำ แต่ทำเพื่อละลายพฤติกรรม และบางเคสก็ไม่สามารถเล่นได้ สิ่งนี้มีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนุ่ม กรรชัย ต้องแบกรับความรู้สึกนี้มาตลอด