สู้ไม่ถอย! 3 เหล่าทัพผนึกกำลังเผด็จศึก "กัมพูชา" ทวงคืนอธิปไตยไทย

รายการโหนกระแสวันนี้ (18 ธันวาคม 2568) พูดคุยในประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและเป็นที่จับตามองของสังคม โดยวันนี้มีแขกรับเชิญมาร่วมพูดคุย คือ พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ และพลโทวันชนะ สวัสดี ที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ



พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ได้ชี้แจงถึงบทบาทของกองทัพอากาศในสมรภูมินี้ว่า กำลังทางอากาศทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนปฏิบัติการของกองทัพบกและกองทัพเรือ โดยจะเข้าโจมตีเป้าหมายตามการร้องขอ เพื่อเปิดทางให้ทหารราบสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างปลอดภัยที่สุด ยุทธวิธีในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยน จากเดิมที่เน้นการสนับสนุนการรบในพื้นที่แนวหน้า ขยับไปสู่การโจมตีตัดกำลังบำรุงในส่วนหลัง เพื่อทำให้การส่งกำลังบำรุงของฝ่ายตรงข้ามทำได้ยากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กำลังรบส่วนหน้าอ่อนแรงลง โดยผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ หลังจากกองทัพอากาศเข้าโจมตีคลังอาวุธและจุดติดตั้งจรวด BM-21 ปริมาณการยิงตอบโต้จากฝั่งกัมพูชาลดลงเหลือเพียง 1 ใน 3



เมื่อเปิดคลิปเหตุการณ์ล่าสุดที่มีเครื่องบิน F-16 ของไทยบินโฉบและทิ้งระเบิด ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ปอยเปต แต่ พลอากาศโท จักรกฤษณ์ รีบชี้แจงแก้ไขข้อมูลว่า จุดที่เห็นในคลิปไม่ใช่ปอยเปต แต่เป็นเป้าหมายทางทหารที่เรียกว่า "สป.5" ซึ่งเป็นคลังเก็บอาวุธและจรวด BM-21 โดยเฉพาะการโจมตีนี้ผ่านการกรองข่าวที่แม่นยำและเป็นการใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองเพื่อลดภัยคุกคามต่อคนไทย ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อพลเรือน



ช่วงท้ายรายการ มีการพูดถึงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการรบที่ทั้ง 3 เหล่าทัพ (บก เรือ อากาศ) ได้ปฏิบัติการร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก โดย พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ยกตัวอย่างภารกิจยึดคืนพื้นที่ "บ้าน 3 หลัง" ที่กองทัพเรือและกองทัพอากาศประสานงานกัน โดยเครื่องบินเข้าโจมตีเปิดทางให้นาวิกโยธินเข้ายึดพื้นที่ ซึ่งล่าสุดเมื่อเช้านี้ นาวิกโยธินสามารถกู้ทุ่นระเบิดได้ถึง 16 ทุ่น และพบหลักฐานสำคัญคือ กัมพูชาใช้ "ทุ่นระเบิดรถถัง" มาดัดแปลงเป็น "ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" ซึ่งผิดหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง