ทหารไทยสู้เต็มที่ทวงคืนอธิปไตย เชื่ออีกไม่นาน "ฮุนเซน" ยอมหมอบ โทรขอเจรจา

รายการโหนกระแสวันนี้ (16 พฤศจิกายน 2568) พูดคุยกรณีสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเชิญ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ และพลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มาร่วมวิเคราะห์สถานการณ์



พลเรือตรี ปารัช ชี้แจงกระแสข่าวเรื่อง "ปิดอ่าว" ยืนยันชัดเจนว่า กองทัพเรือไม่เคยมีเจตนาและไม่ได้ทำการปิดอ่าว เพราะการปิดอ่าว (Blockade) ถือเป็นการกระทำอันเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ สิ่งที่กองทัพเรือทำและเสนอผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ คือการตัดเส้นทางการลำเลียงยุทธปัจจัยที่จะนำไปสู่กัมพูชา



พลเอก รังษี เล่าถึงเหตุการณ์ที่ถือเป็นการยั่วยุอย่างรุนแรงว่า มีการใช้สไนเปอร์ยิงใส่รถส่วนตัวของผู้บังคับหน่วยทหารไทย แม้กระสุนจะไม่ถูกตัวบุคคล แต่ก็ถือเป็นเจตนาทำร้ายหมายชีวิต นอกจากนี้ยังมีการใช้โดรนบินล้ำเข้ามาเหนือฐานปฏิบัติการของไทย ซึ่งถือเป็นการคุกคามและเป็นภัยคุกคามระยะประชิด ทำให้ไทยจำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองเพื่อรักษาอธิปไตย



พลเอก รังษี ย้ำว่าสถานการณ์ในขณะนี้เป็น "Golden Period" หรือโอกาสทองของไทย ที่จะทวงคืนอธิปไตยในพื้นที่ทับซ้อน 17 จุด ที่เสียไปจากการรุกคืบของกัมพูชา โดยใช้ยุทธวิธีทางทหารกดดันให้กัมพูชาต้องยอมจำนนและกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาด้วยตนเอง



หนุ่ม กรรชัย ได้ถามย้ำว่าสรุป "ฮุน เซน" จะยอมหมอบหรือไม่ พลเอก รังษี เชื่อยอมหมอบแน่ ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ไปต่อยาก "ฮุน เซน" ต้องโทรมาขอเจรจาด้วยตัวเอง และต้องมาที่ประเทศไทยเท่านั้น



พลเรือตรี ปารัช กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า โดยทฤษฎีของสงคราม มีนักการทหารชาวเยอรมัน ได้กล่าวไว้ว่า "สงครามเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง" ซึ่งที่ผ่านมาทุกสงครามของโลกจบที่โต๊ะเจรจาทั้งหมด ไม่มีสงครามไหนที่ยืดเยื้อและถาวรตลอดไป